สถานการณ์การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2561
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในระหว่างเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2561 มีมูลค่าลดลงร้อยละ 7.72 (ร้อยละ 13.18 ในหน่วยของเงินบาท) หรือมีมูลค่า 11,101.54 ล้านเหรียญสหรัฐ (355,056.65 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีมูลค่า 12,030.82 ล้านเหรียญสหรัฐ (408,966 ล้านบาท) นับเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอันดับที่ 3 และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.77 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ หากพิจารณามูลค่าการส่งออกไม่รวมทองคำพบว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 7,133.58 ล้านเหรียญสหรัฐ (228,339.33 ล้านบาท) ซึ่งมีมูลค่าเติบโตสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 7.29 (ร้อยละ 1.07 ในหน่วยของเงินบาท)
รายการ |
มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง ร้อยละ |
||
ม.ค.-พ.ย 60 |
ม.ค.-พ.ย. 61 |
ม.ค.-พ.ย 60 |
ม.ค.-พ.ย. 61 |
||
มูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับทั้งหมด |
12,030.82 |
11,101.54 |
100.00 |
100.00 |
-7.72 |
หัก มูลค่าส่งออกทองคำฯ |
5,381.71 |
3,967.96 |
44.73 |
35.74 |
-26.27 |
คงเหลือมูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำฯ |
6,649.11 |
7,133.58 |
55.27 |
64.26 |
7.29 |
หัก มูลค่าสินค้าส่งกลับจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และอื่นๆ |
424.15 |
453.21 |
3.53 |
4.08 |
6.85 |
คงเหลือมูลค่าส่งออกสุทธิ |
6,224.96 |
6,680.37 |
51.74 |
60.18 |
7.32 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
เมื่อแยกพิจารณาการส่งออกในรายผลิตภัณฑ์สำคัญพบว่า
สินค้าสำเร็จรูป เครื่องประดับทอง และเครื่องประดับเงิน เติบโตร้อยละ 11.22 และร้อยละ 5.09 ตามลำดับ
สินค้ากึ่งสำเร็จรูป เพชรเจียระไน พลอยเนื้อแข็งและพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.91,
ร้อยละ 0.96 และร้อยละ 3.94 ตามลำดับ
ตลาด/ภูมิภาคสำคัญในการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย (ไม่รวมทองคำ) ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2561 ได้แก่ ฮ่องกง ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.02 เนื่องจากการส่งออกสินค้าสำคัญอย่างพลอยเนื้อแข็งเจียระไน และเครื่องประดับเงิน ได้ลดลงร้อยละ 2.06 และร้อยละ 38.12 ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่ยังเติบโตได้ คือ เพชรเจียระไน เครื่องประดับทอง และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ซึ่งขยายตัวได้ร้อยละ 3.65, ร้อยละ 2.21 และร้อยละ 2.60 ตามลำดับ
ตลาดหลักรองลงมาเป็นสหภาพยุโรปขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 10.71 จากการส่งออกไปยังเยอรมนี เบลเยียม และสหราชอาณาจักร ตลาดหลักใน 3 อันดับแรก ได้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 18.59, ร้อยละ 6.21 และร้อยละ 1.32 ตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกหลักไปยังเยอรมนีเป็นเครื่องประดับเงิน ส่วนสินค้าส่งออกหลักไปเบลเยียมเป็นเพชรเจียระไน สำหรับสินค้าส่งออกหลักไปยังสหราชอาณาจักรเป็นเครื่องประดับทอง ที่ล้วนเติบโตได้เป็นอย่างดี
ส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.34 เนื่องมาจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ยังคงส่งสัญญาณสะท้อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างอัญมณีและเครื่องประดับเพิ่มมากขึ้น มีผลให้ไทยส่งออกสินค้าหลายรายการได้เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหลักอย่างเครื่องประดับเงิน สินค้าสำคัญรองลงมาอย่างเครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน และเครื่องประดับเทียม ที่ต่างขยายตัวสูงขึ้น
สำหรับตลาดสำคัญอื่นที่เติบโตได้ดี อาทิ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.80 โดยเป็นผลมาจากการส่งออกไปยังอิสราเอล และกาตาร์ ตลาดสำคัญในอันดับ 2 และ 3 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.37 และ 1.07 เท่าตามลำดับ โดยสินค้าส่งออกหลักไปยังอิสราเอลเป็นเพชรเจียระไน ส่วนสินค้าส่งออกหลักไปยังกาตาร์เป็นเครื่องประดับทอง ซึ่งล้วนขยายตัวได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่การส่งออกไปยังตลาดที่ครองส่วนแบ่งสูงสุดอย่างสหรัฐ-อาหรับเอมิเรตส์ มีมูลค่าลดลงร้อยละ 3.39 เนื่องจากการส่งออกเพชรเจียระไน สินค้าสำคัญถัดมาได้ลดลงมากถึงร้อยละ 48.53 แม้ว่าการส่งออกเครื่องประดับทอง ซึ่งเป็นสินค้าหลักจะเติบโตได้ร้อยละ 20.16 ก็ตาม
จีนก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่ขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 31.06 เนื่องมาจากการส่งออกกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเครื่องประดับเงิน ที่ขยายตัวได้สูงถึงร้อยละ 38.96 อีกทั้งสินค้าสำคัญรองลงมาอย่างพลอยเนื้อแข็งเจียระไนก็เติบโตได้ถึงร้อยละ 23.21
ส่วนอาเซียนยังคงเติบโตสดใสร้อยละ 14.64 อันเป็นผลมาจากการส่งออกไปยังสิงคโปร์ และเวียดนาม ตลาดที่อยู่ในอันดับ 1 และ 3 ได้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 31.24 และร้อยละ 33.36 โดยสินค้าส่งออกหลักไปยังสิงคโปร์เป็นเครื่องประดับเทียม ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 47.76 ส่วนสินค้าส่งออกหลักไปยังเวียดนามเป็นอัญมณีสังเคราะห์ เติบโตกว่า 1.61 เท่า ในขณะที่การส่งออกไปยังมาเลเซีย ตลาดในอันดับ 2 หดตัวลงร้อยละ 26.43 เนื่องจากการส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งเป็นสินค้าหลักได้ลดน้อยลงร้อยละ 29.52
ประเทศ/ภูมิภาค |
มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐ) |
สัดส่วน (ร้อยละ) |
เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) |
||
ม.ค.-พ.ย 60 |
ม.ค.-พ.ย. 61 |
ม.ค.-พ.ย 60 |
ม.ค.-พ.ย.61 |
||
ฮ่องกง |
2,028.80 |
2,008.10 |
30.51 |
28.15 |
-1.02 |
สหภาพยุโรป |
1,411.76 |
1,562.89 |
21.23 |
21.91 |
10.71 |
สหรัฐอเมริกา |
1,095.62 |
1,263.72 |
16.48 |
17.72 |
15.34 |
กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง |
468.67 |
528.66 |
7.05 |
7.41 |
12.80 |
อินเดีย |
287.36 |
314.06 |
4.32 |
4.40 |
9.29 |
จีน |
194.00 |
254.27 |
2.92 |
3.56 |
31.06 |
ญี่ปุ่น |
210.23 |
215.25 |
3.16 |
3.02 |
2.39 |
อาเซียน |
177.71 |
203.73 |
2.67 |
2.86 |
14.64 |
ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก |
227.40 |
191.76 |
3.42 |
2.69 |
-15.67 |
รัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช |
56.63 |
54.66 |
0.85 |
0.77 |
-3.47 |
อื่นๆ |
490.92 |
536.47 |
7.38 |
7.52 |
9.28 |
รวม |
6,649.11 |
7,133.58 |
100.00 |
100.00 |
7.29 |
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
9 มกราคม 2562
*** กรุณาอ้างอิง “ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)” ทุกครั้ง เมื่อนำบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อ