หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / เครื่องประดับจากเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำของดีเมืองอุตรดิตถ์

เครื่องประดับจากเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำของดีเมืองอุตรดิตถ์

กลับหน้าหลัก
07.10.2562 | จำนวนผู้เข้าชม 68526

เครื่องประดับจากเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำของดีเมืองอุตรดิตถ์

หากกล่าวถึงเหล็กไหล เชื่อว่าคนไทยส่วนมากคงคุ้นเคยดีกับชื่อเรียกนี้จากตำนานความเชื่อที่เล่าสืบทอดกันมา แต่สำหรับ “เหล็กน้ำพี้” และ “ไหลน้ำ” แล้ว แม้ว่าจะมีคนรู้จักค่อนข้างน้อย แต่ของดังกล่าวก็เป็นสิ่งล้ำค่าประจำท้องถิ่นของชาวอุตรดิตถ์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการนำเอาเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำมาผลิตเป็นสินค้าประจำท้องถิ่น จำพวกรูปสลัก อาวุธ รวมถึงเครื่องประดับที่มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับท้องถิ่นใด อันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวอุตรดิตถ์ได้เป็นอย่างดี

 

ความเป็นมาของเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำ

เหล็กน้ำพี้เป็นชื่อที่ชาวอุตรดิตถ์ใช้เรียกก้อนหินแร่ที่ถูกค้นพบในบริเวณที่มีลักษณะคล้ายบ่อขนาดใหญ่ โดยจะเห็นเป็นก้อนหินที่มีสีน้ำตาลปนดำ คล้ายคลึงกับหินดินดาน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 3-60 นิ้ว และมีน้ำหนักตั้งแต่ 200 กรัมจนถึง 20 กิโลกรัม ซึ่งเมื่อนำหินดังกล่าวมาเผาด้วยความร้อนสูง 1,000 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะมีแร่ไหลออกมาเป็นของเหลวแล้วจับตัวเป็นก้อนเมื่อถูกความเย็น โดยแร่สีดำทึบแสงเหมือนกับนิลนั้นเรียกว่า “ไหลดำน้ำพี้ หรือเหล็กน้ำพี้” ขณะที่ก้อนแร่สีเขียว สีฟ้า และสีขาวใสจะถูกเรียกว่า “ไหลน้ำ”

การที่เหล็กน้ำพี้ และไหลน้ำมีสีแตกต่างกันเกิดขึ้นจากองค์ประกอบของแร่ธาตุภายในชั้นหิน โดยส่วนมากเมื่อเผาหินแล้วมักมีโอกาสได้เหล็กน้ำพี้ที่มีสีดำมากกว่าได้ไหลน้ำที่มีหลายสี โดยเหล็กน้ำพี้นั้นมีองค์ประกอบของแร่ซิลิกาและเหล็กเป็นหลัก ขณะที่ไหลน้ำประกอบไปด้วยแร่ซิลิกา เหล็กและเซอร์เพนทีน ทั้งนี้ หินดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งหายากทางธรณีวิทยาด้วยมีอายุมากกว่า 1,000 ปีและมีการค้นพบเฉพาะในประเทศไทย บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์และทางตอนใต้ของประเทศจีนเท่านั้น 

ความเชื่อโบราณเกี่ยวกับเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำ

ชาวอุตรดิตถ์เชื่อว่าเหล็กน้ำพี้เป็นของล้ำค่าและมีความศักดิ์สิทธิ์เฉกเช่นเดียวกับเหล็กไหล โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าคนไทยสมัยก่อนนำเอาเหล็กน้ำพี้ไปหลอมทำเป็นอาวุธ พระพุทธรูปและเครื่องรางของขลัง ด้วยเชื่อว่ามีอานุภาพด้านความคงกระพันชาตรี สามารถทำลายล้างอาถรรพ์ต่างๆ ลงได้ ขณะที่ไหลน้ำซึ่งมี

สีสันสวยงามและมีความมันวาวนั้นถือเป็นอัญมณีประจำท้องถิ่นที่นิยมนำไปผลิตเป็นเครื่องประดับและเครื่องรางไว้พกติดตัว ด้วยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขในชีวิต 

เครื่องประดับจากเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำ

การนำเอาเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำมาผลิตเป็นสินค้านั้น คนในท้องถิ่นยังคงปฏิบัติตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณว่าต้องมีการทำพิธีกรรมเพื่อบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณบ่อแร่เสียก่อน ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตได้จาก

เหล็กน้ำพี้มีทั้งรูปจำลองพระพุทธรูป ปูชนียบุคคล มีดพกขนาดเล็ก และเครื่องประดับ ขณะที่ไหลน้ำส่วนใหญ่นิยมนำไปทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีสีสันสวยงาม โดยการผลิตเครื่องประดับมักนำเอาไหลน้ำไปใช้แทนอัญมณี 

เช่น เป็นจี้ในสร้อยร้อยเชือก เป็นหัวแหวนในตัวเรือนเงิน และเป็นอัญมณีตกแต่งร่วมกับคริสตัล เป็นต้น ปัจจุบัน

เหล็กน้ำพี้เมื่อขายเป็นเม็ดที่ได้จากการเผาความร้อนนั้น มีราคาไม่กี่สิบบาท ในขณะที่ไหลน้ำสีต่างๆ สามารถขายได้ราคาดีกว่า สนนราคาอยู่ที่ 30-300 บาทต่อเม็ด โดยขึ้นอยู่กับสีและขนาดด้วย 

สำหรับช่องทางจำหน่ายสินค้าจากเหล็กน้ำพี้และไหลน้ำพบว่าผู้ผลิตมีช่องทางประชาสัมพันธ์และกระจายสินค้าน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการขายผ่านทางหน้าร้านของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และขนสินค้าไปจำหน่ายในงานแสดงสินค้าโอทอปตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งรูปแบบการทำตลาดเน้นการซื้อมาขายไปให้แก่ผู้ที่สนใจ นอกจากนี้ สำหรับด้านการผลิตพบว่าไม่ได้มีการพัฒนารูปแบบหรือเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเท่าใดนัก จึงทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักเฉพาะผู้บริโภคในวงจำกัด 

ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

กันยายน 2562

*** กรุณาอ้างอิง “ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)” ทุกครั้ง เมื่อนำบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อ

ภาวะอัญมณี, อุตสาหกรรม, อัญมณีและเครื่องประดับ, GIT, เครื่องประดับ, เหล็กไหล, เหล็กน้ำพี้, ไหลน้ำ, อุตรดิตถ์