หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / รองเท้าหนังครองมูลค่าส่งออกสูงสุด ขณะที่รองเท้ายางและรองเท้าพลาสติกนำด้านปริมาณ

รองเท้าหนังครองมูลค่าส่งออกสูงสุด ขณะที่รองเท้ายางและรองเท้าพลาสติกนำด้านปริมาณ

กลับหน้าหลัก
06.04.2568 | จำนวนผู้เข้าชม 275

รองเท้าหนังครองมูลค่าส่งออกสูงสุด ขณะที่รองเท้ายางและรองเท้าพลาสติกนำด้านปริมาณ

ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า รองเท้าหนังยังคงเป็นผู้นำในด้านมูลค่าการส่งออก โดยคิดเป็นร้อยละ 38 ของตลาดในภาพรวม แต่ในแง่ของปริมาณพบว่า รองเท้าที่ทำจากยางและพลาสติกกลายเป็นกลุ่มสินค้าหลัก โดยมีสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งออกทั่วโลก

In terms of export volume, rubber & plastic footwear accounts for half of the global exports, followed by textile footwear at 29% and leather footwear at 15%. Credit: Shutterstock

จากรายงาน World Footwear Yearbook ฉบับล่าสุด ระบุว่า ตลาดส่งออกรองเท้าทั่วโลกยังคงแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างมูลค่าและปริมาณการส่งออก

โดยในรายงานระบุว่า มีสินค้าในอุตสาหกรรมรองเท้า จำนวน 3 กลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนตลาดโลก ได้แก่ รองเท้ายางและพลาสติก รองเท้าหนัง และรองเท้าผ้า ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้รวมกันคิดเป็นร้อยละ 94 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 97 ของมูลค่ารวม แม้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา 

ในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษที่ผ่านมา รองเท้าผ้ามีการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลกระทบต่อส่วนแบ่งตลาดของรองเท้ายาง พลาสติก และหนัง อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ได้ชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งตลาดของรองเท้าผ้า ลดลงร้อยละ 2 ในปี 2023 (ปี พ.ศ. 2566)

แม้ว่ารองเท้ายางและพลาสติกจะครองแชมป์ด้านปริมาณการส่งออกที่ร้อยละ 50 และรองเท้าผ้าอยู่ที่ร้อยละ 29 และรองเท้าหนังมีปริมาณการส่งออกเพียงร้อยละ 15 อย่างไรก็ตาม ในด้านมูลค่าการส่งออก พบว่า รองเท้าหนังกลับเป็นผู้นำตลาดด้วยสัดส่วนร้อยละ 38 ในขณะที่รองเท้ายางและพลาสติก รวมถึงรองเท้าผ้ามีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ประมาณร้อยละ 29-30

รองเท้าผ้าใบกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ขณะที่นวัตกรรมในรองเท้ายางและพลาสติกเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

รองเท้าผ้าใบกลายเป็นรูปแบบรองเท้าที่ได้รับความนิยมสำหรับหลาย ๆ คน เนื่องจากความสบายและความหลากหลายในการใช้งาน ซึ่งรายงานของ GlobalData ที่ชื่อว่า “Global Footwear Market to 2027” ระบุว่า แบรนด์ที่เน้นรองเท้าหุ้มส้นและรองเท้าบูทจะต้องพยายามปรับปรุงความสบายในการสวมใส่ของผลิตภัณฑ์ตนเองเพื่อแข่งขันในตลาด

ด้วยเหตุนี้ รองเท้าผ้าใบจึงมีประสิทธิภาพเหนือกว่าประเภทอื่น โดยมีการคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ร้อยะ 6.2 ตั้งแต่ปี 2022-2027 เทียบกับร้อยละ 5.1 สำหรับตลาดรองเท้าทั้งหมด นอกจากนี้ รองเท้าผ้าใบยังเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของรองเท้าผู้ชายไปจนถึงปี พ.ศ. 2570 (ปี 2027) เนื่องจากผู้ชายต้องการความหลากหลายและสไตล์รุ่นลิมิเต็ดมากขึ้น

แบรนด์ต่าง ๆ ได้นำเสนอคุณสมบัติใหม่ ๆ เช่น พื้นรองเท้าที่มีการรองรับแรงกระแทก เพื่อปรับปรุงความสบายของรองเท้าแบบดั้งเดิมมากขึ้น

ผู้เล่นในตลาด เช่น Russell & Bromley และ Hugo Boss กำลังเพิ่มพื้นรองเท้ายางให้กับรองเท้าทางการของตน เพื่อปรับปรุงความสบาย ความทนทาน และการยึดเกาะ

แบรนด์กระแสหลักอื่น ๆ ยังได้รวมวัสดุที่ยั่งยืนมากขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์รองเท้าของตน เช่น Adidas ซึ่งได้ร่วมมือกับ Parley องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 (ปี 2015) และ Adidas ก็ได้ใช้ Parley Ocean Plastic ซึ่งเป็นวัสดุโพลีเอสเตอร์ทางเลือกที่ทำจากขยะพลาสติกในมหาสมุทรลงในผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากขึ้น และได้เปิดตัวรองเท้าฟุตบอลคู่แรกที่ทำจาก Parley Ocean Plastic เมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2566 (ปี 2023)

-------------------------------------------

Source: JustStyle.com 

Photo credit: Shutterstock and Global Data

เทคโนโลยีนวัตกรรมเครื่องหนัง, leather, footwear, leads, export, THTI, Fashion Intelligence Unit, FIU, FIU_'68