หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / ตลาดสินค้ามือสอง มีศักยภาพและแซงหน้าสินค้ากลุ่ม fast fashion

ตลาดสินค้ามือสอง มีศักยภาพและแซงหน้าสินค้ากลุ่ม fast fashion

กลับหน้าหลัก
25.01.2567 | จำนวนผู้เข้าชม 102

ตลาดสินค้ามือสอง มีศักยภาพและแซงหน้าสินค้ากลุ่ม fast fashion

ตลาดสินค้ามือสอง กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 77 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2568 ซึ่งมีศักยภาพที่จะแซงหน้าตลาดแฟชั่นฟาสต์แฟชั่นที่มีมูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

‘Vivobarefoot’ แบรนด์รองเท้าวิ่งชั้นนำเชื่อว่า การรีไซเคิล ปรับสภาพ และนำรองเท้ากลับมาขายใหม่คืออนาคตของวงการแฟชั่น บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการลดปริมาณรองเท้าที่ต้องถูกทิ้งเป็นขยะ

Credit: Vivobarefoot

จากรายงานประจำปีของ Vivobarefoot ภายใต้ชื่อ "Unfinished Business" ซึ่งกำหนดรายละเอียดแผนการของบริษัทสำหรับอนาคตพร้อมกับการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของแบรนด์ รวมถึงปัจจัยสนับสนุนที่บริษัทเชื่อว่าสามารถปรับปรุงให้การดำเนินธุรกิจของแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้น

โดย คุณ Charlotte Pumford หัวหน้าฝ่ายฟื้นฟูของ Vivobarefoot กล่าวกับ Just Style ว่า “เราเชื่อว่าเรายังมีอีกหลากหลายแนวทางที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในอันที่จะเป็นธุรกิจที่ฟื้นฟูได้อย่างแท้จริง"

‘ReVivo’ เป็นแพลตฟอร์มขายรองเท้ามือสองที่ Vivobarefoot เปิดตัวขึ้นในปี พ.ศ. 2563 (ปี 2020) และได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยสามารถขายรองเท้าได้ 41,000 คู่ และสร้างรายได้ 3.4 ล้านปอนด์ในปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้ทำงานร่วมกับบริษัทซ่อมแซมรองเท้าที่ตั้งอยู่ใน Leeds สหราชอาณาจักร เพื่อปรับสภาพรองเท้ามือสองก่อนนำกลับมาขายใหม่

แม้การขายรองเท้ามือสองจะเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีอุปสรรค ซึ่งในรายงานของ Vivobarefoot ระบุว่า รองเท้าจำนวนมากที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ ซึ่งทางบริษัทฯ กำลังหาแนวทางในการนำไปรีไซเคิล 

การจัดการรองเท้าเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งาน

Vivobarefoot กำลังมุ่งมั่นหาแนวทางการจัดการรองเท้าเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งาน รวมถึงรองเท้าที่ไม่สามารถนำไปจำหน่ายต่อเป็นสินค้ามือสองได้ โดยบริษัทฯ กำลังทดลองและพัฒนาโซลูชันการรีไซเคิล

และเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 Vivobarefoot ได้ประกาศความร่วมมือกับ Circ บริษัทรีไซเคิลเส้นใยผ้า เพื่อพัฒนาแนวทางการรีไซเคิลสำหรับรองเท้า รวมถึงออกแบบรองเท้าส่วนบนที่สามารถนำไปรีไซเคิลหรืออัพไซเคิลได้อีก  Vivobarefoot มองว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม และ คุณ Charlotte Pumford  อธิบายเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ มีความหวังและตื่นเต้นมากกับความร่วมมือครั้งนี้กับ Circ เพื่อหาแนวทางที่ทำให้ Vivobarefoot สามารถรีไซเคิลรองเท้าด้วยวิธีทางเคมีได้อย่างสมบูรณ์”

และจากความพยายามผลักดันการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืน จึงส่งผลให้ Vivobarefoot ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายเป็นอย่างมาก โดยในปี พ.ศ. 2566 (ปี 2023) บริษัทฯ มีรายได้เติบโตสูงถึงร้อยละ 49 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายอีคอมเมิร์ซที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดของบริษัทฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใน flagship store บนถนน Neal Street ในกรุงลอนดอน

ทั้งนี้ Vivobarefoot สามารถจำหน่ายรองเท้าเอนกประสงค์ (barefoot shoes) ได้เกือบ 1 ล้านคู่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 (ปี 2022) และบริษัทฯ รายงานยอดขาย 73.4 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 นับตั้งแต่สถิติเดิม 49.4 ล้านปอนด์เมื่อปีที่ผ่านมา

ช่องว่างระหว่างการจัดหาและห่วงโซ่อุปทาน

แม้จะประสบความสำเร็จด้านยอดขาย แต่รายงานของ Vivobarefoot ได้เปิดเผยข้อมูลด้านปัจจัยเชิงลบที่เกี่ยวกับการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ร้อยละ 56 ของน้ำหนักวัสดุในผลิตภัณฑ์ขายดี 8 อันดับแรกของบริษัทฯ พบว่า เป็นโพลิเมอร์บริสุทธิ์ ซึ่งทางบริษัทฯ ต้องการปรับเปลี่ยนในจุดนี้

นอกจากนี้ ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่า บริษัทฯ ยังคงใช้วัสดุที่ไม่ทราบแหล่งที่มา แม้จะอยู่ในปริมาณน้อย แต่บริษัทฯ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมจากห่วงโซ่อุปทานดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะรองเท้าในกลุ่มที่เป็นรุ่นขายดีใน 3 อันดับแรกอย่างครบถ้วน

คุณ Charlotte Pumford ชี้ให้เห็นว่า สำหรับแบรนด์เอาท์ดอร์อย่าง Vivobarefoot การหาวัสดุที่สามารถตอบทั้งประสิทธิภาพและเป้าหมายด้านความยั่งยืนนั้น นับเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับบริษัทฯ เป็นอย่างมาก “การหาทั้งวัสดุที่มีประสิทธิภาพ วัสดุธรรมชาติ และวัสดุที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ซึ่งมักจะไม่ทนทานเท่ากับวัสดุบริสุทธิ์เดิมนั้น เป็นเรื่องที่ยากจริง ๆ ดังนั้น จึงต้องอาศัยการคิดค้นนวัตกรรมและความร่วมมือกันเป็นอย่างมากสำหรับการผลิตรองเท้าที่สามารถตอบโจทย์ที่กำหนดไว้”

มุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ความซื่อสัตย์ (Honesty) และความโปร่งใส (Transparency) นับเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อผลักดันให้การดำเนินธุรกิจเกิดความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ดังนั้น ระบบ ‘VMatrix’ จึงเป็นเครื่องมือสำหรับเพื่อใช้ประเมินความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดโดยคำนึงถึงแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และกำจัดวัสดุที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ดังนั้น VMatrix จึงถูกผสานเข้ากับกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั่นคือ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการผลิต

ถึงแม้จะมีความพยายามด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง แต่คะแนนเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ Vivobarefoot บน VMatrix ในปีที่ผ่านมา พบว่า คะแนนที่ได้คิดเป็นร้อยละ 49 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ (ที่ร้อยละ 60) ถึงแม้ว่าความคืบหน้าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมบางรุ่นยังเป็นอุปสรรค และ Vivobarefoot กำลังจะเปิดตัว VMatrix เวอร์ชันใหม่เร็ว ๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีประโยชน์มากกว่าเดิม

ทั้งนี้ Vivobarefoot ได้จัดหาผลิตภัณฑ์จากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิ เอธิโอเปีย โปรตุเกส จีน และเวียดนาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะเป็น B-Corp (บริษัทที่คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 (ปี 2020) และกำลังดำเนินการขอรับการรับรองใหม่อยู่ในปัจจุบัน

และ Vivobarefoot มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรองเท้า โดยมุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนที่แท้จริง บริษัทฯ เชื่อว่า การโปร่งใส ความซื่อสัตย์ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคตที่ยั่งยืน

-------------------------------------------------

Source: JustStyle

Photo credit:  Vivobarefoot

กฎระเบียบเครื่องหนัง, อุตสาหกรรม, เครื่องหนังรองเท้า, Resale, potential, fast fashion, Running shoe company, footwear, THTI, Fashion Intelligence Unit, FIU, FIU_'67