แรงงานบังคับในซินเจียงเป็นประเด็นหลักในการหารือเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
‘การเจรจารอบแรกระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น เกี่ยวกับประเด็นการจัดตั้งกองกำลังร่วมว่าด้วยสิทธิแรงงานในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อมุ่งเน้นไปที่การหารือเกี่ยวกับการใช้แรงงานบังคับในพื้นที่ซินเจียง’
หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่น ว่าด้วยการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานแรงงานสากลในห่วงโซ่อุปทานถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน ผ่านนโยบายการค้า
Credit; Shutterstock.
หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจระหว่างสหรัฐฯและญี่ปุ่น ว่าด้วยการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและมาตรฐานแรงงานสากลในห่วงโซ่อุปทานถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานผ่านนโยบายการค้า
การหารือถูกจัดขึ้นผ่านทางออนไลน์ เมื่อวันที่ 5 และ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ในการหารือร่วมกันระหว่างรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา (โดย คุณ Katy Mastman) โดยหน่วยงานจากทั้ง 2 ประเทศได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นโยบาย และคำแนะนำที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
1. ข้อบังคับเกี่ยวกับแรงงานในนโยบายการค้าของสหรัฐ การเน้นตัวอย่างของกลไกการตอบสนองอย่างเร่งด่วนในข้อตกลงระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา
2. การปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันแรงงานที่บังคับใช้กฎหมายของอุยกูร์
3. การอัปเดตเกี่ยวกับคำแนะนำธุรกิจในเครือข่ายซัพพลายเชนในเส้นทางซินเจียง
4. วิธีการในการพัฒนารายการสินค้าที่ผลิตโดยแรงงานเด็กหรือแรงงานที่บังคับใช้โดยกระทรวงแรงงาน
ในการสนทนาดังกล่าว มีผู้เกี่ยวข้องจากหลายภาคส่วน อาทิ องค์กรภาคเอกชน ธุรกิจ และองค์กรแรงงาน จากทั้ง 2 ประเทศ เข้าร่วมสนทนาและแบ่งปันข้อมูลระหว่างกันถึงแนวทางการดำเนินการตรวจสอบของบริษัท เพื่อสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานที่รับรองระดับนานาชาติ
ญี่ปุ่น มุ่งเน้นรายงานไปที่แนวทางปฏิบัติสำหรับการเคารพสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทานที่รับผิดชอบ ซึ่งรวมถึงการเผยแพร่แนวทางปฏิบัติ การสร้างความตระหนักรู้และความร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนา ขณะที่สหรัฐอเมริกา เน้นรายงานไปที่การคุ้มครองแรงงานภายใต้ข้อตกลง USMCA (ข้อตกลงสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา) ความคืบหน้าในการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันการใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ (Uyghur Forced Labor Prevention Act) และโครงการริเริ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยสรุป รายงานร่วมนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในการส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่เคารพสิทธิมนุษยชน โดยญี่ปุ่นมุ่งเน้นที่การสร้างมาตรฐานและความตระหนักรู้ทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯ มุ่งเน้นที่การบังคับใช้กฎหมายและข้อตกลงที่มีอยู่
หมายเหตุ :
ประเทศญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดเสื้อผ้าที่มีการบริโภคขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายปลีกทั้งหมด 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2564 (ปี 2021) เป็นรองเพียงสหรัฐอเมริกา (476 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และจีน (411 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เท่านั้น
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นตลาดเสื้อผ้าที่มีการบริโภคขนาดใหญ่ แต่เสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่บริโภคกลับเป็นสินค้านำเข้า สิ่งนี้ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นแหล่งโอกาสสำคัญสำหรับบริษัทแฟชั่นและบริษัทจัดหาสินค้า (sourcing agent) ทั่วโลก ทั้งในแง่ของการเป็นฐานการผลิต (sourcing) และการเข้าถึงตลาด (market access)
-------------------------------------
Source: JustStyle.com
Photo credit: Shutterstock.