สถานกาณ์ตลาดโลกของธุรกิจสินค้าแฟชั่น ปี 2566

สถานกาณ์ตลาดโลกธุรกิจสินค้าแฟชั่น ปี 2566

ในตลาดโลกธุรกิจสินค้าแฟชั่นมูลค่าการค้าทะยานขึ้นสู่ตัวเลขเกือบ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และเกี่ยวข้องกับคนทำงานมากกว่า 50 ล้านคน (ยังไม่นับอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงอื่น ๆ) การไหลเวียนของความแปลกใหม่ เครือข่ายห่วงโซ่การผลิตจำนวนมหาศาล นวัตกรรมดิจิทัล การออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ และเพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานของระบบทั้งหมดได้ดีขึ้ จำเป็นต้องมองภาพรวมในปัจจุบัน ดังนี้

ในปี 2566 อุตสาหกรรมแฟชั่นทั่วโลกจะต้องต้านทานภาวะเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันก็ต้องมองหาโอกาสในการเปลี่ยนรูปแบบการบริโภค ด้วยกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล และกำหนดแนวทางการผลิตทางเลือกใหม่ การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ปิดกั้นนักเดินทางซึ่งเป็นผู้ผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นในทุกมุมโลก หลังการยกเลิกมาตรการโควิดจะเห็นการเคลื่อนไหวของผู้คนหลายล้านคนกลับมาเดินทางอีกครั้ง และช่วยฟื้นฟูช่องทางของแฟชั่นด้วย แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงดำเนินอยู่ แต่คาดว่าสินค้าแฟชั่นในวงกว้างยังน่าจะเติบโตได้ระหว่างร้อยละ 5-10 ในปี 2566 โดยได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของจีนและสหรัฐอเมริกา

ประเทศในยุโรปยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรงจากอัตราแลกเปลี่ยนและวิกฤตพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น น่าจะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ แนวโน้มของรูปแบบเสื้อผ้าที่เปลี่ยนแปลงในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ที่ยังดำเนินต่อไป เนื่องจากผู้ซื้อ/ผู้บริโภคจำนวนมากยังขอทำงานที่บ้าน (smart working) จึงออกจากรูปแบบเสื้อผ้าที่เป็นทางการแบบสำนักงาน ดังนั้น เสื้อผ้าลำลองสวมใส่สบาย รองลงมาคือเสื้อสไตล์ชุดกีฬา มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ในทางกลับกันอุปกรณ์ตกแต่งแฟขั่น (accessories) เครื่องประดับ และรองเท้าสำหรับงานพิธีมีการจำหน่ายลดลง ซึ่งสะท้อนถึงความประหยัดของผู้บริโภคที่ต้องการลดหรือปรับสมดุลการใช้จ่าย ด้วยการยกเว้นการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น และการจัดงานพิธีที่ลดน้อยลง ในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงการขยายตัวของตลาดเสื้อผ้ามือสอง

ท่ามกลางความวุ่นวายทางเศรษฐกิจในปี 2566 ภาวะเงินเฟ้อสูงสุด ความตึงเครียดต่อสงคราม รวมถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ถี่และรุนแรงขึ้น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็ลดลง อุตสาหกรรมแฟชั่นจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 ดังนั้น ขั้นตอนแรกคือการกำหนดทิศทางการลงทุน และปรับกลยุทธ์ใหม่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ดำเนินการอยู่แล้ว หรือในพื้นที่ที่เจาะเข้าไปใหม่ กลยุทธ์การนำกลับมาเป็นสินค้ามือสอง การเช่าแทนการซื้อ (ชุดแต่งงาน ชุดราตรี ชุดงานพิธีต่าง ๆ) การออกนอกกรอบดั้งเดิม (ขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ) ควรปรับความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าและค่านิยมดั้งเดิม จนถึงการปกป้องแบรนด์ไม่ให้เสื่อมคุณค่าลงได้

รูปแบบการค้าตรง เป็นช่องทางการขายใหม่ที่บริษัทและแบรนด์ขายผลิตภัณฑ์และบริการของตนให้กับลูกค้าปลายทางโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง เป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในหลายอุตสาหกรรม โดยปกติแล้วจะมีบุคคลที่สามทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ผลิตกับลูกค้า รูปแบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายระหว่างขั้นตอนต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์ นอกเหนือจากการเปิดร้านค้าเองของผู้ผลิตแล้ว ยังใช้ช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง อีคอมเมิร์ซของผู้ผลิตก็มีต้นทุนของการตลาดออนไลน์สูงเช่นกัน จึงต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การคืนผลิตภัณฑ์ของลูกค้าที่ไม่พอใจ เป็นต้น

อุตสาหกรรมแฟชั่นที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น และต้องค้นคว้าวิจัยสินค้าที่ไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถสาธิตให้เห็นจริง เช่น เสื้อผ้าที่ติด "greenwashing" ก็ต้องแสดงให้เห็นว่าคืออะไร การเปลี่ยนแปลงที่น่าเชื่อถือในด้านสิ่งแวดล้อมและมาตรการที่เข้มงวดได้ถูกนำมาใช้ในเกือบทุกหนแห่ง ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 การติดขัดของเครือข่ายการติดต่อและการขนส่ง และการหยุดชะงักของการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน กำลังกระตุ้นการปรับโครงสร้างการผลิตทั่วโลก ผู้ผลิตสิ่งทอต้องสร้างห่วงโซ่อุปทานใหม่ โดยย้ายฐานการผลิตกลับมาประเทศตนเอง หรือตั้งโรงงานในประเทศที่อยู่ใกล้ที่สุด

การปรับรูปแบบใหม่ของการตลาดดิจิทัล กฎหมายล่าสุดเกี่ยวกับข้อมูลออนไลน์และการนำกลับมาใช้ใหม่กำลังกระตุ้นบทบาทใหม่ของการตลาดดิจิทัล เนื่องจากรูปแบบดั้งเดิมมีราคาต้นทุนการดำเนินการสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเต็มไปด้วยการตรวจสอบ ควบคุมและขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตาม ด้วยเหตุนี้ แบรนด์ต่าง ๆ จะหันมาใช้แคมเปญที่สร้างสรรค์มากขึ้นโดยใช้ช่องทางใหม่ ๆ เช่น metaverse เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด และสามารถรวบรวมข้อมูลโดยตรงที่มีประโยชน์ในการติดต่อและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างรวดเร็ว

การดำเนินธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันต้องการมากกว่าหน้าร้านบนจออย่าง Shopify หรือการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย ความสำเร็จของกลยุทธ์ในปี 2566 จะขึ้นอยู่กับการจัดวางตำแหน่งหน้าที่ทางธุรกิจ ผู้บริหารในอุตสาหกรรมแฟชั่นจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์องค์กรใหม่ โดยมุ่งเน้นที่การดึงดูดและรักษาผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อดำเนินการตามลำดับความสำคัญ เช่น ความยั่งยืนและการเร่งระบบดิจิทัลให้ทันสมัยขึ้น

-------------------------------------------------

ที่มา : 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

จัดทำโดย Business Support Center

Photo credit: The State of Fashion 2023 และ https://www.freepik.com/