เก่าแต่เก๋า! ประวัติแบรนด์ Tod’s เครื่องหนังไฮเอนด์ ที่เซเลบชอบใส่

กลับหน้าหลัก

เสน่ห์ของเครื่องหนังคือความทน ยิ่งเก่ายิ่งสวย แถมยังคลาสสิกตลอดกาล เชื่อว่าหลายคนคงมีไอเท็มที่ทำจากหนังติดตู้กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแหละค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหรือรองเท้าหนังก็แล้วแต่ เราว่าล้วนมีคลาสน่าเป็นเจ้าของทั้งนั้นนะ จะหยิบจับแมทช์กับอะไรก็สวย แถมอยู่ได้ทุกยุคสมัย พูดเลยว่าเครื่องหนังไม่มีวันตายจริงๆ ค่ะ

 

 

 

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องหนังดีๆ หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ Tod’s เอ่ยขึ้นมาแน่ค่ะ ด้วยความที่เป็นแบรนด์ระดับ Luxury จากอิตาลีที่มีรสนิยม มีเอกลักษณ์โดดเด่นและคุณภาพสูง ทำให้ครองใจสาวกเครื่องหนังและติดอันดับท็อปได้ไม่ยากเลย

 

Photo By : howtospendit

 

เห็นแบบนี้ แต่ Tod’s ก็ไม่ได้มีเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่ต้นหรอกนะคะ จุดเริ่มต้นของแบรนด์เกิดตอนช่วงต้นปี 1900 ค่ะ Filippo Della Valle ได้เริ่มทำธุรกิจผลิตรองเท้าเล็กๆ ขึ้นมา จากนั้นหลานชายของเขา Diego Della Valle ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา เปลี่ยนธุรกิจขนาดเล็กให้กลายเป็นโรงงานที่ผลิตรองเท้าสำหรับห้างอเมริกันได้ในปี 1970 และเมื่อธุรกิจเริ่มใหญ่โต ก็ได้ตั้งแบรนด์ Tod’s ขึ้นมาในที่สุดค่ะ

 

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ แรกเริ่มเดิมที Tod’s ทำรองเท้าหนังมาก่อน ซึ่งสินค้ารุ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์เลยก็คือรองเท้าหนังสำหรับผู้ชายรุ่นกอมมิโน (Gommino) ที่ถูกผลิตขึ้นมาพร้อมๆ กับตอนตั้งแบรนด์นั่นเองค่า เอกลักษณ์ของรองเท้ารุ่นนี้คือเป็น Driving shoes ที่เอาไว้ใส่ตอนขับรถ ใต้พื้นรองเท้ามีปุ่มยาง 133 ปุ่ม แต่ออกแบบมาให้สามารถสวมใส่ได้หลายโอกาส ด้วยความที่รองเท้ามีเอกลักษณ์โดดเด่น สวยหรู คุณภาพดี ทำให้กลายเป็นรองเท้ารุ่นที่ยังคงฮิตจนถึงปัจจุบันเลยนะจ๊ะ แล้วยังมีการต่อยอดทำเป็นรองเท้าสำหรับผู้หญิงด้วยเช่นกัน ไม่ธรรมดาเลยขอบอก

 

 

หลังจากทำรองเท้าหนังมาตลอด ในปี 1997 Tod’s ก็ได้เริ่มผลิตงานกระเป๋าตามออกมาค่ะ นั่นก็คือกระเป๋ารุ่น D-Bag ที่ทางแบรนด์ใช้ชื่อของเจ้าหญิงไดอาน่ามาเป็นชื่อรุ่นเพื่อระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ ซึ่งกระเป๋ารุ่นนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในรุ่นยอดฮิตของแบรนด์เลยก็ว่าได้ค่ะ สามารถการันตีความฮอตได้จากเหล่าเซเลบ คนดังทั้งหลายที่ใช้กระเป๋าใบนี้ได้เลยค่า

 

จากแบรนด์รองเท้าหนังเล็กๆ กลายเป็นแบรนด์เครื่องหนังระดับท็อปแบบนี้ ขอบอกว่าไม่ได้มาเพราะโชคช่วยนะ สิ่งที่ทำให้ Tod’s ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มีรายได้ 806.4 ล้านยูโร (หรือราว 3 หมื่นล้านบาท) นอกจากเรื่องรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ทางแบรนด์ยังใส่ใจเรื่องคุณภาพเป็นหลักด้วย รู้ไหมคะว่ากว่าจะออกมาเป็นสินค้าหนังดีๆ สักชิ้น ต้องผ่านกระบวนการอย่างเลือกหนัง ตัดหนังอย่างพิถีพิถัน ที่สำคัญคือสินค้าผ่านการตัดเย็บด้วยมือจากผู้เชี่ยวชาญด้วยจ้า เห็นไหมคะว่างานคุณภาพเน้นๆ สมกับขึ้นชื่อว่า Luxury Brand เลยค่ะ

 

ที่มา: Ladyissue - http://www.ladyissue.com/126056