The 1 Insight นำเสนอปรากฏการณ์ Revenge Spending หรือ ‘ช้อปล้างแค้น’ ที่เรียกได้ว่าเป็นการทวงคืนอิสระในการจับจ่ายในยุคหลังโควิดเพื่อสร้างความผ่อนคลายและระบายความอัดอั้น ที่สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายที่สูงขึ้นใน 4 กลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจ

อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจสำหรับปรากฏการณ์ Revenge Spending ในรอบนี้นั้นมีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายมากขึ้นนั้นเป็นในกลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจในราคาที่เข้าถึงได้ มากกว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มไม่สู้ดีและสภาวะเงินเฟ้อ จึงเป็นเหตุให้ผู้คนใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อสร้างความผ่อนคลายในงบประมาณที่ ‘สามารถจ่ายได้’ โดยไม่กระทบกับทรัพย์สินจำนวนมากเกินไปนัก นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าปรากฏการณ์ Revenge Spending นั่นมักเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ลดความอัดอั้นสำหรับตัวผู้บริโภคเอง รวมถึงมักเกิดขึ้นในกลุ่มสินค้าบางกลุ่มเท่านั้น จึงไม่สามารถบ่งชี้ถึงทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งต้องอาศัยการฟื้นตัวในหลายแง่มุมได้

อย่างไรก็ตาม การช้อปในช่องทางออนไลน์ (Online Shopping) คือพฤติกรรมหนึ่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานและอัตราการเติบโตยิ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ทั้งในแง่ของยอดขายและจำนวนผู้ใช้ โดยยอดขายเติบโตกว่า 2 เท่า และยอดผู้เข้าชมสินค้าสูงขึ้นกว่า 3 เท่าตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 – พฤษภาคม 2022
นอกจากนั้นยังพบว่าผู้บริโภคกว่า 36% ยังคงพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ในยอดคงที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะกลับไปจับจ่ายที่หน้าร้านมากขึ้นด้วย อาจสรุปได้ดังเช่นที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเห็นตรงกันว่า การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel คือเรื่องที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความใส่ใจในปัจจุบันเพราะมีผลอย่างยิ่งกับความอยู่รอดของแบรนด์ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์หน้าร้าน ช่องทางออนไลน์ อาทิ E-Commerce Application และ Website, Social Commerce รวมถึง New Sales Channels อย่าง Chat & Shop, Call & Shop และ Personal Shopper กล่าวคือแบรนด์ไม่อาจให้ความสำคัญกับเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไป แต่ควรมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างไร้รอยต่อให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง
ที่มา : https://brandinside.asia/revenge-spending/