หน้าแรก / THTI Insight / องค์ความรู้ / แนวโน้มความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบแฟชั่น

แนวโน้มความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบแฟชั่น

กลับหน้าหลัก
29.03.2564 | จำนวนผู้เข้าชม 1022

แนวโน้มความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบแฟชั่น

Lenzing เผยแนวโน้มความยั่งยืน 3 อันดับที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบแฟชั่น ในปี 2564 ในปีนี้จะเป็นปีสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม Lenzing เป็นผู้ผลิตเส้นจากเยื่อไม้ประกอบด้วยวิสโคส (Viscose) โมดาล์ว (Modal) ไลโอเซลล์ (Lyocell) และฟิลาเมนต์ (Filament)

ในปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่าเดิมและตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้แบรนด์แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงพยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปนั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้แบรนด์ต่าง ๆ มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ดังจะเห็นได้ว่าแบรนด์แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนมากกว่าแบรนด์หรูหรือแบรนด์ Fast fashion ที่ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก

รายงาน The 2021 Fossil Fashion เปิดเผยว่า มีผู้บริโภคจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าเส้นใยที่มีราคาถูก เช่น โพลีเอสเตอร์ ที่สามารถพบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์สิ่งทอมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่า 530 ล้านตัน ดังนั้นแบรนด์ต่าง ๆ จะต้องสร้างความตระหนักและลดการใช้วัสดุสังเคราะห์ การเติบโตของสินค้าแฟชั่นที่ถูกผลิตออกมาอย่างรวดเร็ว (Fast fashion) ส่งผลให้เส้นใยที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น โพลีเอสเตอร์มีจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ซึ่งโพลีเอสเตอร์ใช้พลังงานในการผลิตสูงเป็น 6 เท่าของพลังงานที่ใช้ในการปลูกฝ้าย

ในปี 2558 มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกระบวนการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์มากกว่า 700 ล้านตัน โพลีเอสเตอร์ถูกผลิตมาจากขวดพลาสติกแต่เส้นใยโพลีเอสเตอร์จำนวนมากเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ในปัจจุบันมีเสื้อผ้าเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่ถูกนำกลับมารีไซเคิล ตัวเลขดังกล่าวเป็นที่น่ากังวลอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามจากวิกฤตด้านสุขภาพทั่วโลกทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงผลกระทบของสินค้าแฟชั่นที่ถูกผลิตออกมาอย่างรวดเร็ว (Fast fashion) และหันมาให้ความสนใจในเรื่องของความยั่งยืนซึ่งนำไปสู่กระแส Slow fashion ไม่ตามกระแส เลือกสรรเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ สามารถใส่ได้นาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

เพื่อต่อยอดความพยายามในการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซคาร์บอนของอุตสาหกรรมแฟชั่น กระตุ้นให้แบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มความพยายามในการคิดค้นนวัตกรรมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อเพิ่มปริมาณความต้องการเส้นใยสังเคราะห์อื่น ๆ เช่น เส้นใยจากพืชที่มีความนุ่มสบาย ทนทาน และมีความยั่งยืน นวัตกรรมเหล่านี้ยังรวมถึงกระบวนการพัฒนาที่นำไปสู่แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน การบำบัดน้ำและนำกลับมาใช้ใหม่ระหว่างกระบวนการผลิต ในขณะที่การปล่อยมลพิษยังคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของอุตสาหกรรมแต่การนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้จะช่วยผลักดันให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขั้นตอนการผลิตเสื้อผ้าช่วยให้การปล่อยคาร์บอนลดลงอย่างมากจากการลงทุนในเทคโนโลยีรีไซเคิลในโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น เพื่อให้อนาคตมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ นอกจากนี้แบรนด์ต่าง ๆ ต้องเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ รวมถึงการยกเลิกการใช้เส้นใยสังเคราะห์ที่มีราคาถูกและส่งเสริมกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะนำไปสู่อนาคตที่สดใส

Tencel ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการเปิดตัวเส้นใยไลโอเซลล์และโมดอลที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์ Lenzing ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่นในการดำเนินการสู่ความยั่งยืน

ที่มา : Fibre2Fashion: “Lenzing reveals 2021 sustainability trends impacting fashion landscape”, by Fibre2Fashion News Desk (GK), Mar 22, 2021

เรียบเรียงโดย : อิสเรศ วงศ์เสถียรโสภณ (ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)

สิ่งแวดล้อมสิ่งทอ,อุตสาหกรรม,สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม,รีไซเคิล,ความยั่งยืน,แฟชั่น,Lenzing,Fast fashion