หน้าแรก / THTI Insight / องค์ความรู้ / มองหาโอกาสจากกฎระเบียบใหม่ในธุรกิจ E-Commerce อินเดีย

มองหาโอกาสจากกฎระเบียบใหม่ในธุรกิจ E-Commerce อินเดีย

กลับหน้าหลัก
16.03.2564 | จำนวนผู้เข้าชม 1481

มองหาโอกาสจากกฎระเบียบใหม่ในธุรกิจ E-Commerce อินเดีย

จากการที่อินเดียได้ปรับปรุงกฎระเบียบว่าด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ในภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งส่งผลต่อกลไกการขับเคลื่อนแวดวงอีคอมเมิร์ซของอินเดีย และมีผลกระทบต่อรูปแบบโครงสร้างธุรกิจของกิจการรายใหญ่อย่าง Amazon และ Flipkart ที่มีส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดอินเดีย แต่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ขายและผู้จัดหาสินค้าในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนตลาดซื้อขายสินค้าเฉพาะทางออนไลน์แหล่งอื่นๆ ฉะนั้น กิจการหรือผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ต้องการเจาะตลาดค้าปลีกของอินเดียไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือออฟไลน์ จึงควรศึกษาการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบดังกล่าวและเข้าใจถึงผลสืบเนื่องในทางปฏิบัติต่อกลยุทธ์ทางธุรกิจของตน 

ตลาดเครื่องประดับออนไลน์อินเดีย

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอัตราขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ต่อปี คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 3-5 ของมูลค่าการค้าปลีกทั้งหมดในประเทศ โดยคาดว่าในปี 2022 มูลค่าการค้าออนไลน์จะเพิ่มขึ้นถึง 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 220,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2026 เนื่องจากผู้บริโภคชาวอินเดียเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งการค้าปลีกเครื่องประดับออนไลน์ก็มีส่วนสำคัญในธุรกิจนี้ 

ปัจจุบันธุรกิจอีคอมเมิร์ซของอินเดียมีผู้เล่นในตลาดค่อนข้างมาก โดยตลาดซื้อขายออนไลน์ 3 รายใหญ่ที่สำคัญในการขับเคลื่อนตลาดค้าปลีกออนไลน์ในอินเดียก็คือ Amazon, Flipkart และ Paytm Mall ซึ่งต่างก็ขยายสินค้ามายังธุรกิจเครื่องประดับด้วย นอกจากนี้ยังมีตลาดเฉพาะทางในแต่ละกลุ่มสินค้า อาทิ สินค้าแฟชั่น อย่างเช่น Myntra และ Snapdeal รวมถึงแบรนด์เครื่องประดับในอินเดียหลายรายก็ขยายธุรกิจเข้าสู่ช่องทางการค้าออนไลน์ควบคู่กับการเปิดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น BlueStone, CaratLane, PC Jewellers และ Gitanjali Jewellers เป็นต้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าในปี 2020 ตลาดเครื่องประดับออนไลน์ในอินเดียจะมีมูลค่าเติบโตกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีสัดส่วนราวร้อยละ 1-2 ของตลาดค้าปลีกเครื่องประดับอินเดีย ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ Technopak

เว็บไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์อาทิ Amazon และ Myntra ที่จำหน่ายสินค้าเครื่องประดับ

ทั้งนี้ การค้าเครื่องประดับออนไลน์ที่มีแนวโน้มขยายตัวสูงในตลาดอินเดีย เป็นผลจากกำลังซื้อของผู้หญิงอินเดียยุคใหม่ที่สนใจในสินค้าแฟชั่นเพิ่มมากขึ้น ผลการสำรวจข้อมูลของ CaratLane บริษัทผู้ค้าเครื่องประดับรายใหญ่ในอินเดีย พบว่า ผู้หญิงอายุ 18 ถึง 35 ปี มีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าเครื่องประดับทางออนไลน์มากกว่าช่วงอายุอื่นๆ โดยผู้หญิงในทุกช่วงอายุมักซื้อเครื่องประดับเพื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากกว่าซื้อเพื่อการลงทุน แม้กระทั่งผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ซึ่งต่างจากที่คนทั่วไปเชื่อกัน อีกทั้งผู้หญิงยังซื้อสินค้าให้ตัวเองในโอกาสพิเศษมากขึ้น เช่น วันครบรอบแต่งงาน (ร้อยละ 35.6) หรือวันเกิด (ร้อยละ 33.8) ไม่ใช่แค่เฉพาะในงานเทศกาลอย่าง Dhanteras หรือ Akshaya Tritiya ซึ่งผู้หญิงร้อยละ 81.3 นิยมเครื่องประดับที่มีความทันสมัยและมีน้ำหนักเบากว่าเครื่องประดับแบบดั้งเดิม

การปรับปรุงกฎระเบียบในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ

จากการที่กรมนโยบายและการส่งเสริมอุตสาหกรรมของอินเดียได้บังคับใช้กฎใหม่ว่าด้วยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการด้านอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศดำเนินกิจการในฐานะตลาดซื้อขายทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว และส่งเสริมการแข่งขันกันอย่างยุติธรรมระหว่างช่องทางการค้าปลีกต่างๆ ซึ่งกฎระเบียบที่รัดกุมยิ่งขึ้นช่วยขจัดปัญหาในประเด็นทั้งการจัดหาสินค้า การผูกขาดการจัดจำหน่ายสินค้า และนโยบายในการตั้งราคา

ตามการเปลี่ยนแปลงระเบียบดังกล่าว บริษัทอีคอมเมิร์ซถูกสั่งห้ามไม่ให้ขายสินค้าจากผู้จัดหาซึ่งบริษัทอีคอมเมิร์ซนั้นๆ ถือครองหุ้นอยู่ นอกจากนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของหรือมีอำนาจควบคุมคลังสินค้าของผู้จัดหา รวมทั้งผู้จัดหาที่ขายสินค้ามากกว่าร้อยละ 25 ให้แก่บริษัทอีคอมเมิร์ซเพียงรายเดียวจะถือว่าถูกควบคุมโดยบริษัทอีคอมเมิร์ซแห่งนั้นและไม่ได้รับอนุญาตให้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซดังกล่าวอีกต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังห้ามไม่ให้บริษัทอีคอมเมิร์ซกำหนดให้ผู้ขายขายสินค้าเฉพาะบนแพลตฟอร์มของตัวเองเท่านั้น และการให้ส่วนลดหรือการให้เงินคืนบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนั้นควรกระทำอย่างเป็นธรรมและไม่แบ่งแยก หมายความว่าไม่ควรมีการลดราคาลงมากผิดปกติในช่วงลดราคา และผู้จัดหา/แบรนด์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องราคาเองทั้งหมด รวมทั้งห้ามไม่ให้มีการจัดโปรโมชั่นแบบลดกระหน่ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นการบิดเบือนราคาและกลไกตลาด

ผลกระทบต่อการค้าปลีกเครื่องประดับออนไลน์ & ออฟไลน์

กฎระเบียบใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในระยะสั้น โดยผลักดันให้กิจการเหล่านี้ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนดและเป็นตลาดซื้อขายอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันสำหรับผู้ขายทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผู้จัดหา/ผู้ค้าที่ต้องการจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์จะได้รับการสนับสนุนให้ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มทางออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยลดการเผชิญหน้าในการแข่งขันอย่างรุนแรงจากแบรนด์ใหญ่ที่มีอำนาจผูกขาดและสามารถควบคุมคลังสินค้าของผู้ดำเนินกิจการอีคอมเมิร์ซ จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการเครื่องประดับอินเดียที่ดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซเองหรือธุรกิจขนาดเล็กลงมา ซึ่งแต่เดิมไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะแข่งขันกับผู้ค้าอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ก็จะได้รับประโยชน์จากกฎระเบียบใหม่นี้ นอกจากนี้ รัฐบาลจะช่วยผลักดันกิจการภายในประเทศให้แข่งขันกับกิจการต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลให้สถานการณ์ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซกำลังขยายตัว แต่ร้านค้าแบบดั้งเดิมก็ยังคงครองส่วนแบ่งสูงสุดในตลาดค้าปลีกเครื่องประดับของอินเดีย ผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่ให้เสียงตอบรับในทางที่ดีต่อนโยบายใหม่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก เนื่องจากกฎนี้จะช่วยลดความกดดันด้านการดำเนินงานและยอดขายอันเป็นผลจากการเติบโตของธุรกิจซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ โดยเฉพาะเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมากนักนั้นได้รับผลกระทบจากการค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคมักเลือกดูสินค้าที่ร้านค้า แต่กลับถ่ายภาพสินค้าที่ชอบและไปสั่งซื้อทางออนไลน์แทน เนื่องด้วยตลาดซื้อขายออนไลน์มีโปรโมชั่นลดราคา ขณะที่เครื่องประดับหรูราคาสูงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ผู้ซื้อส่วนมากยังคงต้องการเลือกซื้อที่ร้าน/แบรนด์ที่เชื่อถือได้ เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์ในการซื้อ และการประกันคุณภาพสินค้า อีกทั้งร้านค้าขนาดใหญ่/แบรนด์เครื่องประดับรายใหญ่ก็มีช่องทางออนไลน์เป็นของตนเองอยู่แล้ว ร้านค้าเครื่องประดับจึงหวังว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากบริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จะหันกลับมาหาผู้ค้าปลีกแบบดั้งเดิม

โอกาสของเครื่องประดับไทยในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอินเดีย

จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในกลุ่มสินค้าเครื่องประดับและการปรับกฎระเบียบใหม่ของอินเดีย นับเป็นโอกาสของธุรกิจ SMEs ไทยที่ต้องการขายสินค้าแก่ผู้บริโภคอินเดียผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซแบบข้ามพรมแดน โดยเฉพาะผู้ประกอบการเครื่องประดับแท้และเครื่องประดับแฟชั่นของไทยที่มีความพร้อมจะเข้าไปเริ่มทำธุรกิจในอินเดีย ควรต้องเริ่มศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค สำรวจและประเมินตลาดซื้อขายออนไลน์รายต่างๆ อย่างรอบคอบเพื่อหาแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดจำหน่ายสินค้าของตน และที่สำคัญอาจพิจารณาเข้าสู่ตลาดผ่านการร่วมมือกับผู้ดำเนินกิจการอีคอมเมิร์ซของอินเดียแทนที่จะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาติดขัดโดยไม่จำเป็นจากการเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างของธุรกิจให้เป็นไปตามกฎระเบียบดังกล่าว อาทิเช่น ตลาดซื้อขายออนไลน์ AJIO.COM ที่เน้นสินค้าแฟชั่นเป็นหลัก และเพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมาโดยบริษัท Reliance ผู้ดำเนินกิจการค้าปลีกรายใหญ่สุดของอินเดียที่ก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้

เว็บไซต์ตลาดซื้อขายออนไลน์ AJIO.COM

เมื่อผู้ประกอบการสามารถเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมได้แล้ว ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ค้าสินค้าเครื่องประดับในตลาดซื้อขายออนไลน์นั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องจดทะเบียนธุรกิจในอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบกิจการคนเดียว ห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท ยกตัวอย่างเช่น การจดทะเบียนเป็นกิจการคนเดียว ผู้ประกอบการต่างชาติต้องมีวีซ่าแบบธุรกิจและเข้ามาพำนักในอินเดียไม่น้อยกว่า 182 วัน ก่อนที่จะนำที่อยู่ไปรับรองและยื่นเอกสารเพื่อขอเลขผู้เสียภาษี (Permanent Account Number: PAN) ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการเปิดบัญชี และนำเลขบัญชีไปจดทะเบียนธุรกิจและขอหมายเลขผู้เสียภาษีสินค้าและบริการ (Goods and Service Tax: GST) จากนั้นจึงนำหลักฐานต่างๆ ข้างต้นมาสมัครเป็นผู้ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์

ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางปี 2019 เป็นต้นมา รัฐบาลอินเดียได้ปรับกฎระเบียบให้เอื้อต่อการแข่งขันของกิจการระดับ SMEs มากขึ้น อีกทั้งผู้ให้บริการธุรกิจอีคอมเมิร์ซและผู้ค้าออนไลน์ต้องระบุแหล่งที่มาของสินค้า (Country of Origin) บนแพลตฟอร์มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2020 และแสดงข้อมูลสินค้านั้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นต้นไป โดยมีแผนที่จะนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เพื่อสร้างความโปร่งใสและความสะดวกในการชำระเงินด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการเครื่องประดับไทยหากสามารถศึกษาค่านิยมและปรับสินค้าให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายในตลาดนี้ได้ ก็มีโอกาสที่จะขยายตลาดเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอินเดียได้อย่างประสบผลสำเร็จ ส่วนผู้ประกอบการไทยรายใหญ่ที่มีศักยภาพซึ่งกำลังพิจารณารุกตลาดค้าปลีกของอินเดียควรประเมินอย่างรอบคอบว่าการเปลี่ยนแปลงระเบียบกฎเกณฑ์จะส่งผลอย่างไรต่อแผนการนำสินค้าเข้าสู่ตลาดอินเดีย แม้ว่าช่องทางออนไลน์จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ร้านค้าดั้งเดิมจะยังคงเป็นช่องทางการขายที่สำคัญ จึงเป็นการดีหากกิจการเลือกใช้แนวทางแบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างยอดขายสูงสุดในธุรกิจค้าปลีกของอินเดียที่กำลังเติบโต โดยติดตามพัฒนาการภายในตลาดและวางกลยุทธ์การเจาะตลาดตามสถานการณ์อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถขยายตลาดเครื่องประดับไทยในอินเดียได้อย่างยั่งยืน


ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

--------------------------------------------------------------

ข้อมูลอ้างอิง: 

1. “How Indian e-commerce has impacted jewellery retail.” by Saroja Yeramilli. Retrieved 28 January 2020 from https://retail.economictimes.indiatimes.com/re-tales/how-indian-e-commerce-has-impacted-jewellery-retail/3530.

2. “Will India's new FDI e-commerce policy save the brick-and-mortar retailers?” by Rebecca Bundhun. Retrieved 28 January 2020 from https://www.thenational.ae/business/economy/will-india-s-new-fdi-e-commerce-policy-save-the-brick-and-mortar-retailers-1.818276.

3. “India’s New FDI E-commerce Regulations: The Implications for Hong Kong Businesses.” by Hong Kong Trade Development Council. Retrieved 6 January 2020 from http://economists-pick-research.hktdc.com/business-news/article/Research-Articles/.

4. “Gems and Jewellery Industry in India.” India Brand Equity Foundation. Retrieved 20 May 2020 from https://www.ibef.org/industry/gems-jewellery-india.aspx.

5. “โอกาสในการทำธุรกิจ e-Commerce ในอินเดีย.” สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ. กุมภาพันธ์ 2563.

กฎระเบียบอัญมณี,อุตสาหกรรม,อัญมณีและเครื่องประดับ,ธุรกิจ E-Commerce,อินเดีย,กฎระเบียบ,โอกาส