
สถานการณ์นำเข้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย ระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2563
การนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2563 มีมูลค่า 5,052.11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (158,376.71 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 44.12 (ร้อยละ 44.68 ในหน่วยของเงินบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่หากพิจาณาการนำเข้าเดือนกันยายนเทียบกับเดือนสิงหาคม 2563 พบว่า การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.23 โดยส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าทองคำฯ ในสัดส่วนราวร้อยละ 64 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 88.35 เนื่องจากราคาทองคำในเดือนกันยายนปรับตัวลดลง อีกทั้งยังนำเข้าเพชร เครื่องประดับแท้ และโลหะเงินเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการนำเข้าพลอยสียังคงหดตัวลงต่อเนื่อง
ตารางที่ 1 มูลค่าการนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2563
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.72 (ร้อยละ 23.84 ในหน่วยของเงินบาท) หรือมีมูลค่า 16,130.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (503,294.32 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่มีมูลค่า 13,037.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (406,397.05 ล้านบาท) เป็นสินค้าส่งออกในอันดับที่ 1 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.32 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย ทั้งนี้ เมื่อหักทองคำฯ ออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริงมีมูลค่า 3,360.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (103,918.24 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 46.45 (ร้อยละ 46.94 ในหน่วยของเงินบาท) อย่างไรก็ดี การส่งออกปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 ซึ่งหากพิจารณาเดือนกันยายนเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่ามูลค่าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ)ขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 18.82 ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 มูลค่าการส่งออกสุทธิของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2563
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ตารางที่ 3 มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยรายสินค้าระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2563
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
เมื่อแยกพิจารณาการส่งออกในรายผลิตภัณฑ์สำคัญในเดือนกันยายน 2563 พบว่า
สินค้าสำเร็จรูป เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเทียม เติบโตร้อยละ 22.92, ร้อยละ 46.64 และร้อยละ 7.04 ตามลำดับ ส่วนเครื่องประดับแพลทินัม ลดลงร้อยละ 36.85
สินค้ากึ่งสำเร็จรูป พลอยเนื้อแข็งเจียระไน และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.39 และร้อยละ 48.43 ตามลำดับ ส่วนเพชรเจียระไน ลดลงร้อยละ 7.56
เมื่อพิจารณาตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย (ไม่รวมทองคำ) รายประเทศ 10 อันดับแรก ในเดือนกันยายนเทียบกับเดือนก่อนหน้า พบว่า มีการปรับตัวดีขึ้นในหลายตลาดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย จีน และสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นตลาดในอันดับที่ 1, 4, 6, 7, 8 และ 9 ต่างมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.17, ร้อยละ 29.66, 2.57 เท่า,ร้อยละ 24.11, ร้อยละ 51.76 และร้อยละ 53.65 ตามลำดับ
โดยการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาที่เติบโตได้นั้น เนื่องจากความเชื่อมั่นการบริโภคของชาวสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น ไทยส่งออกสินค้าหลักหลายรายการไปยังตลาดนี้ได้เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน พลอยเนื้อแข็งและเนื้ออ่อนเจียระไน ซึ่งขยายตัวร้อยละ 50.03, ร้อยละ 64.68, ร้อยละ 19.38, ร้อยละ 25.97 และร้อยละ 17.67 ตามลำดับ
การส่งออกไปยังญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายประเภทเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ ชาวญี่ปุ่นจึงเริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ไทยส่งออกสินค้าหลักหลายรายการไปญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น อาทิ เครื่องประดับทอง เครื่องประดับแพลทินัม และเพชรเจียระไน ซึ่งเติบโตสูงขึ้นร้อยละ 12.82, ร้อยละ 13.9 และร้อยละ 38.35 ตามลำดับ
มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เติบโตนั้น เนื่องจากการส่งออกสินค้าหลักอย่างเครื่องประดับทอง เพชรเจียระไน และพลอยเนื้อแข็งเจียระไน ปรับตัวได้เพิ่มขึ้น 1.81 เท่า, 5.64 เท่า และ 22.25 เท่า ตามลำดับ
ส่วนการส่งออกไปยังออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าหลักอย่างเครื่องประดับเงิน และสินค้าสำคัญถัดมาอย่างเครื่องประดับทองและเครื่องประดับเทียมได้สูงขึ้นร้อยละ 28.2, ร้อยละ 15.35 และ
ร้อยละ 13.41 ตามลำดับ
มูลค่าการส่งออกไปยังจีนเติบโตเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนภายหลังการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ 9 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจจีนพลิกกลับมาเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ชาวจีนจึงเริ่มกลับมาบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น ไทยส่งออกเครื่องประดับเงิน ซึ่งเป็นสินค้าหลักในสัดส่วนราวร้อยละ 91 ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59.76
ขณะที่การส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรขยายตัวได้นั้น เป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าหลักทั้งเครื่องประดับทองและเครื่องประดับเงิน ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันกว่าร้อยละ 72 ได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.74 และร้อยละ 21.7 ตามลำดับ
ส่วนตลาดส่งออกสำคัญที่หดตัวลง คือ ฮ่องกง เยอรมนี อินเดีย และเบลเยียม ตลาดในอันดับที่ 2, 3, 5 และ 10 มีมูลค่าลดลงร้อยละ 0.10, ร้อยละ 2.95, ร้อยละ 6.37 และร้อยละ 23.65 ตามลำดับ โดยสินค้าหลักส่งออกไปยังฮ่องกง อินเดีย เบลเยียมเป็นเพชรเจียระไน หดตัวลงร้อยละ 11.60, ร้อยละ 10 และร้อยละ 22.39 ตามลำดับ ส่วนสินค้าส่งออกหลักไปยังเยอรมนีเป็นเครื่องประดับเงิน ซึ่งมีสัดส่วนราวร้อยละ 79 ลดลงร้อยละ 5.82
แผนภาพตลาดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย (ไม่รวมทองคำ) ในเดือนกันยายน ปี 2563
ที่มา: กรมศุลกากร ประมวลผลโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)