“ซาบีน่า” ฮึดสู้หลังพ้นจุดต่ำสุด Q2 เร่งปั๊มยอดขายเต็มสูบ

กลับหน้าหลัก

“ซาบีน่า” ฮึดสู้หลังพ้นจุดต่ำสุด Q2 เร่งปั๊มยอดขายเต็มสูบ

ซาบีน่า ถูกพิษโควิด-19-ล็อกดาวน์ปิดห้าง ฉุดรายได้ครึ่งปีแรกลดลง 18.4% อยู่ที่ 1,331 ล้านบาท กำไรสุทธิร่วง 39.6% อยู่ที่ 121 ล้านบาท พร้อมฮึดสู้หลังพ้นจุดต่ำพสุดในไตรมาส 2 ไปแล้ว เร่งปั๊มยอดขายเต็มสูบคาดปีหน้ากลับมาเติบโตแกร่ง

บุญชัย ปัณฑุรอัมพร

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซาบีน่า (SABINA) เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการประเมินกำลังซื้อจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมว่าจะใช้เวลาเท่าไรจึงจะกลับสู่ภาวะปกติ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งหากว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ของปีนี้ และคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2564

ทั้งนี้บริษัทยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ได้ทั้งไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าจะเป็นช่วงบริษัทต้องเผชิญความยากลำบากที่สุดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้รัฐบาลประกาศล็อคดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดด้วยการปิดห้างสรรพสินค้าตั้งแต่ปลายไตรมาสแรกจนถึงกลางไตรมาส 2 ทำให้รายได้จากช่องทางค้าปลีก (Retail) ซึ่งเป็นช่องทางหลักได้รับผลกระทบ

โดยครึ่งแรกของปีนี้รายได้ในช่องทางดังกล่าวลดลง 31.2% เช่นเดียวกับรายได้จากการส่งออก (Export) สินค้าแบรนด์ “ซาบีน่า” ไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ที่ลดลง 2.6% และรายได้จากการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในแถบยุโรปลดลง 2.4%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถสร้างการเติบโตผ่านช่องทาง NSR (Non Store Retailing) ทั้งการขายออนไลน์ รวมถึงทีวีช้อปปิ้ง และอื่นๆ ที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัวได้ถึง 58.1% โดยเฉพาะในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากการปิดห้างสรรพสินค้ามากที่สุด แต่การขายในช่องทาง NSR ยังสามารถเติบโตได้ถึง 109.2% สะท้อนความสำเร็จจากการปรับตัวของซาบีน่า ที่เดินหน้าสร้างทีมขายและทีมการตลาดช่องทางออนไลน์ได้อย่างแข็งแกร่ง จนติดอันดับสินค้าในกลุ่มแฟชั่นที่มียอดขายสูงสุดในแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำ

“แม้ว่ารายได้จากช่องทางหลักจะลดลง แต่เรายังสามารถรักษากำไรไว้ได้ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 45.9% เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากบริษัทฯ จะจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลง” นายบุญชัยกล่าว

ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-505707