
มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมและแนวทางปฏิบัติในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
อุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมที่มีการใช้สี สารเคมี รวมถึงทรัพยากร เช่น น้ำ พลังงานสูง ทำให้เป็นอุตสาหกรรมที่ถูกจับตามองว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม และเมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเป็นปัญหาระดับโลก ทำให้ทุกฝ่ายจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและออกกฎระเบียบเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
กฎหมายสิ่งแวดล้อมในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เป็นต้น มีการดำเนินการอย่างเข้มงวดและมีบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แม้ว่าบทลงโทษเหล่านี้ไม่สามารถบังคับใช้ในประเทศอื่นๆ ได้โดยตรง แต่กฎหมายสิ่งแวดล้อมนี้มีการนำมาใช้เป็นเงื่อนไขทางการค้าระหว่างผู้จ้างผลิตและผู้ผลิตสินค้าในประเทศต่างๆ ที่อาจไม่มีกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดเพียงพอ เช่น การรวมตัวของกลุ่มเสื้อผ้าแบรนด์ดัง 27 แบรนด์ เช่น H&M ADIDAS NIKE C&A เป็นต้นบริษัทที่อยู่ในสายโซ่การผลิต 77 บริษัท และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 18 หน่วยงาน ร่วมกันจัดทำ Zero Discharge of Hazardous Chemicals Programme (ZDHC) โดยกำหนดรายการสารเคมีอันตรายที่ห้ามใช้และห้ามตกค้างบนผลิตภัณฑ์ (Manufacturing Restricted Substances List , MRSL) ในกลุ่มเสื้อผ้า เครื่องหนัง รองเท้า รวมไปถึงการกำหนดคุณภาพของน้ำเสีย (Wastewater Quality) ด้วย ผู้รับจ้างผลิตสินค้าจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใน ZDHC นี้ ซึ่งมีความเข้มงวดค่อนข้างมาก (www.roadmaptozero.com)
มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมนอกจากจะประกาศบังคับเป็นกฎหมายแล้ว ในบางประเทศ เช่น สหภาพยุโรปมีการสนับสนุนเชิงสมัครใจ เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการสนใจปรับปรุงกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบอื่นๆ เช่น การให้รางวัล (Award) การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ การลดภาษี เป็นต้น
“ฉลากสิ่งแวดล้อม” หรือ “มาตรฐาน ISO 14001” เป็นแนวทางปฏิบัติที่ผู้ประกอบการสามารถนำมาใช้ในการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งการเลือกฉลากสิ่งแวดล้อมควรพิจารณาถึงความคุ้มค่า ทั้งในด้านงบประมาณในการขอการรับรอง ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ขอการรับรอง และฉลากสิ่งแวดล้อมที่เลือกใช้ได้รับความนิยมในพื้นที่วางจำหน่ายหรือไม่ เนื่องจากในการขอการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากพอสมควร ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากบริษัทผู้ขาย (suppliers) เพื่อส่งข้อมูลและเอกสารรับรองต่างๆ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงควรศึกษาและพิจารณาความคุ้มค่าในการเลือกฉลากสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะขอการรับรอง
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการควรต้องศึกษาเพิ่มเติมในรายละเอียดตามที่คู่ค้าต้องการ ประเทศที่วางจำหน่ายว่ามีกฎระเบียบอย่างไรที่ต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากฉลากสิ่งแวดล้อมอาจไม่ครอบคลุมทุกข้อกำหนดที่แต่ละคู่ค้าหรือแต่ละประเทศต้องการได้
จัดทำและเรียบเรียงโดย : จุฑามาศ โกเมนไทย (ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)