ค้นหา
กรุณา พิมพ์สิ่งที่ท่านต้องการค้นหาที่นี่ค่ะ
ค้นหา
ปิด
TH
บริการ THTI
วิเคราะห์ทดสอบ
ฝึกอบรม
วิจัยพัฒนาเชิงพาณิชย์
ข้อมูลดิจิตอล
งานจัดแสดงสินค้า
โปรโมชั่นบริการ
นวัตกรรม
All
ECO Textile
Protective Textile
Medical Textile
Sportswear
THTI Activities
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน
เกี่ยวกับ THTI
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ความเป็นมา
แผนผังองค์กร
ผู้บริหารสถาบัน
คณะกรรมการสถาบัน
ผลงานสถาบันฯ
สมาคมการค้า
พันธมิตร
ติดต่อเรา
ร่วมงานกับเรา
ประกาศ จัดซื้อ-จัดจ้าง
หน้าแรก
/
THTI Insight
/
ข่าวรายวัน
/
สรท. เป่าปากส่งออกปี 2562 มีแต่ปัจจัยเสี่ยง สงครามการค้าฉุดอิเล็กทรอนิกส์ทรุดต่อเนื่อง
สรท. เป่าปากส่งออกปี 2562 มีแต่ปัจจัยเสี่ยง สงครามการค้าฉุดอิเล็กทรอนิกส์ทรุดต่อเนื่อง
กลับหน้าหลัก
09.01.2562 |
จำนวนผู้เข้าชม 852
สรท. ชี้สถานการณ์ส่งออกปี 2562 ปัจจัยเสี่ยงอื้อ พิษสงครามการค้าฉุดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทรุดต่อเนื่อง แนะภาครัฐสนับสนุนเปิดตลาดใหม่ลาตินอเมริกา ระบุสินค้าสิ่งทอ อาหาร และเม็ดพลาสติกสวนกระแสยังเป็นดาวรุ่ง
นายชัยชาญ เจริญสุข เลขาธิการ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า สรท.คาดการณ์การขยายตัวของภาคส่งออกไทยในปี 2562 ไว้ที่ 5% ซึ่งลดลงจากปี 2561 ที่ประมาณการณ์ว่าจะขยายตัวอยู่ราว 7 – 7.3% โดยมูลค่าการส่งออกช่วง 11 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ย.) ส่งออกได้รวม 232,725 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 7.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในเดือนสุดท้ายคือธันวาคม หากไทยจะทำเป้าหมายการส่งออกขยายตัวได้ที่ 7% จะต้องส่งออกในเดือนดังกล่าวด้วยมูลค่า 20,513 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหากจะทำเป้าหมาย 7.3% จะต้องส่งออกให้ได้มูลค่า 21,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ปัจจัยที่ทำให้ สรท.มองการขยายตัวของภาคส่งออกในปี 2562 ลดลงเหลือเพียง 5% จากพบว่าในปีนี้มีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก เฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสงครามการค้าที่กระทบต่อมูลค่าการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ อิเล็กทรอนิกส์ เห็นได้จากเดิมมีการเติบโตเฉลี่ย 10% ขณะนี้กลับมาติดลบอยู่ที่ 3–5% เพราะความต้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลดลงจากจีนลดลง และปีนี้ยังต้องจับตาราคาน้ำมัน หากยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะกระทบต่อต้นทุนการผลิต”
ขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงภาคส่งออกในปี 2562 ยังมีเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งพบว่าปัจจัยแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะต้องติดตามนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะกระทบต่อค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมทั้งไทยจะต้องติดตามดูสถานการณ์ทางการเงินในภูมิภาค ต้องเปรียบเทียบค่าเงินคู่แข่ง เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้วยคุณภาพสินค้า และลดต้นทุนของสินค้าให้ได้เพื่อปรับตัว
สำหรับโอกาสทางการส่งออกที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ สรท.ยังประเมินว่ากลุ่มสินค้าประเภทสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และเม็ดพลาสติก ยังเป็นกลุ่มสินค้าดาวรุ่งที่มีโอกาสส่งออกและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากกระแสรักสุขภาพออกกำลังกายยังดีต่อเนื่อง ทำให้ประเทศคู่ค้ายังมีความต้องการสินค้าสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มเพิ่ม ขณะเดียวกันสินค้าประเภทอาหาร ยังถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย สามารถนำอาหารไปเปิดตลาดใหม่ได้
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธาน สรท.เผยถึงภาพรวมการส่งออกเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่าจากผลกระทบเศรษฐกิจโลกทำให้การส่งออกชะลอตัวลง ประกอบกับสงครามการค้าที่ทำให้การส่งออกในตลาดหลักได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะตลาดจีน ที่ติดลบมากถึง 9.84% ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในเดือนพฤศจิกายน มีมูลค่าที่ 21,237 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวลดลง 0.95% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“ปีนี้พบว่ามีแต่ปัจจัยลบที่ต้องจับตามอง ทั้งสงครามการค้าที่ต้องรอดูผลการเจรจา ค่าเงินบาทแข็งค่า ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งกรณีของ government shutdown ในสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้เราเคยประเมินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่ขณะนี้ก็ต้องนำกลับมาดูใหม่ว่าอาจจะส่งผลกระทบเรา เพราะถ้าข้าราชการไม่ได้รับเงินเดือนก็จะกระทบต่อการจับจ่ายซื้อสินค้า ภาพรวมในปีนี้ สรท.จึงประมาณการการณ์ว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้เพียง 5% ลดลงจากปี 2561 ที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 7 – 7.3%”
อย่างไรก็ดี สรท.มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐเร่งส่งเสริมการค้าเปิดตลาดการค้าใหม่ ทำกิจกรรม Trade Mission เพิ่มมากขึ้น โดยแยกตามกลุ่มประเทศ เช่น ตลาดแอฟริกา สินค้าที่มีศักยภาพและมีความต้องการสูง คือ สินค้ากลุ่มอาหาร ผู้ประกอบการสามารถเข้าไปเจาะตลาดได้ ตลาดตะวันออกกลางในส่วนของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย ภาครัฐคงให้เร่งรัดความสัมพันธ์ เริ่มจากการทูตเชิงพาณิชย์ทั้งในการส่งออกและการลงทุน
ตลาดจีน การเข้าไปเจาะตลาดจีนควรให้ความสำคัญระดับมณฑลทั้ง 31 มณฑลมากขึ้น เพราะจีนถือเป็นตลาดใหญ่ และเป็นตลาดศักยภาพสูง แต่ละมณฑลมีลักษณะและโอกาสทางการค้าที่แตกต่างกัน โดยเน้นสินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของไทย ที่มีศักยภาพเช่นมณฑลกวางตุ้ง นครเซี่ยงไฮ้ หรือมณฑลที่มีระดับความเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ส่วนตลาดลาตินอเมริกา ควรมุ่งเน้นสินค้าอาหาร เพราะเป็นที่ต้องการของตลาด และตลาดสำคัญอย่างอาเซียน ภาครัฐควรจัดงบประมาณกับการจัดงานแสดงสินค้าระดับชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และผลักดันสินค้าไทยวางจำหน่ายให้มากขึ้น
นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สรท. เผยว่า การส่งออกในเดือนพฤศจิกายน 2561 กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม หดตัวที่ 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าประเภทข้าว ชะลอตัวสูงถึง 22.4% คาดว่าสถานการณ์ในปี 2562 ก็จะยังทรงตัว เช่นเดียวกับยางพารา ที่ชะลอตัว 25% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัว 6% น้ำตาลทราย ชะลอตัว 32% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ภาพรวมหดตัว 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะสินค้ายานพาหนะ ชะลอตัวถึง 10.8%
“สินค้าที่ชะลอตัวมากที่สุดคือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ส่งออกลดลง 4.8% แผงวงจรไฟฟ้าลดลง 3.1% ฮาร์ดดิสท์ไดร์ฟ ลดลง 4.9% ภาพรวมในปี 2561 สินค้าในกลุ่มนี้คาดจะขยายตัวอยู่ที่ 4-5% ส่วนปี 2562 มองว่าจะทรงตัว ขยายตัวเพียง 0.2% เพราะสินค้ากลุ่มนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างต่อเนื่อง และเป็นกลุ่มสินค้าที่ต้องจับตาตลอดทั้งปีนี้”
ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดหลักในเดือนพฤศจิกายน 2561 พบว่าขยายตัว 5.3% โดยตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า 11.9% ญี่ปุ่น ขยายตัว 4.3% แต่มูลค่าการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป หดตัวต่อเนื่อง ส่วนส่งออกไปตลาดศักยภาพหดตัว 1.7% โดยเฉพาะส่งออกอาเซียน (5 ประเทศสมาชิกเดิม) นอกจากนี้กลุ่มประเทศที่ตลาดส่งออกหดตัว อาทิ เอเชียใต้ 4.3% ฮ่องกง 7.6% เกาหลีใต้ 11.1% ไต้หวัน 1.8% และจีน 8.94%
ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/371939
Print this
สิ่งทอ,เครื่องนุ่งห่ม,การส่งออก,สรท.,สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย,
ไทยพาณิชย์ หั่นประมาณการณ์จีดีพี62เหลือเพียง 3.8%
ย้อนกลับ
NARAYA สุนทรียภาพสินค้าไทยที่น่าภูมิใจ
ถัดไป
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน