ค้นหา
กรุณา พิมพ์สิ่งที่ท่านต้องการค้นหาที่นี่ค่ะ
ค้นหา
ปิด
TH
บริการ THTI
วิเคราะห์ทดสอบ
ฝึกอบรม
วิจัยพัฒนาเชิงพาณิชย์
ข้อมูลดิจิตอล
งานจัดแสดงสินค้า
โปรโมชั่นบริการ
นวัตกรรม
All
ECO Textile
Protective Textile
Medical Textile
Sportswear
THTI Activities
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน
เกี่ยวกับ THTI
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
ความเป็นมา
แผนผังองค์กร
ผู้บริหารสถาบัน
คณะกรรมการสถาบัน
ผลงานสถาบันฯ
สมาคมการค้า
พันธมิตร
ติดต่อเรา
ร่วมงานกับเรา
ประกาศ จัดซื้อ-จัดจ้าง
หน้าแรก
/
THTI Insight
/
ข่าวรายวัน
/
ผลักดัน'คันทรี่ อิมเมจ' สร้างแบรนด์ไทยสู่สากล
ผลักดัน'คันทรี่ อิมเมจ' สร้างแบรนด์ไทยสู่สากล
กลับหน้าหลัก
26.10.2561 |
จำนวนผู้เข้าชม 809
โดย...จะเรียม สำรวจ
เข้ามารับตำแหน่งได้ไม่กี่เดือนกับประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
สุริยน ศรีอรทัยกุล ก็เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ดูแล และต่อเนื่องทันทีด้วยการผลักดันแบรนด์สินค้าไทยให้มีชื่อเสียงเทียบเท่า กับแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับคนใหม่จะทำการผลักดันมีด้วยกัน 8 กลุ่มหลัก คือ อัญมณี หัตถกรรม
สิ่งทอ
เครื่องหนัง เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เนื่องจากทั้ง8 กลุ่มธุรกิจ มีความสำคัญต่อการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอัญมณี
ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีสามารถ สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยไม่ต่ำ กว่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 4% ของจีดีพีทั้งประเทศ และถ้าหากนำ ทั้ง 8 กลุ่มมารวมกันสามารถสร้างจีดีพีให้กับประเทศไม่ต่ำกว่า 10% เลยทีเดียว
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจอัญมณีและ เครื่องประดับถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศไทยในปี 2560 ที่ผ่านมา รองจากรถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โดยมีมูลค่าการส่งออก 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ4.34 แสนล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีมูลค่าส่งออก (ไม่รวมทองคำ) ที่ 3,865.5 ล้าน ดอลลาร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากรวมทองคำ (ที่ซื้อมาขายไปเพื่อเก็งกำไร) ส่งออกได้รวมที่ 6,328.3 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวที่ 0.6%
ด้วยเหตุนี้ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับคนใหม่จึงอยากจะผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีการขยายตัวทางธุรกิจเพิ่มขึ้น ด้วยการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้รู้ว่าสินค้าแบรนด์ไทยมีอะไรบ้างและมาประเทศไทยควรซื้อสินค้าประเภทไหน เพื่อให้ประเทศไทยเหมือนกับหลายๆ ประเทศ เช่น มาประเทศไทยต้องซื้อยาหม่อง กระเป๋าหนัง และหมอนยางพารา เป็นต้น เพื่อให้เหมือนกับที่เวลาคนไปฝรั่งเศสต้องไปซื้อสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมและไปญี่ปุ่นเพื่อไปใส่ชุดกิโมโน เป็นต้น
สุริยน กล่าวต่อไปว่า วาระ 2 ปีที่เข้ามารับตำแหน่งจะพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จ เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ผลักดันร่างกฎหมายการ คุ้มครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อป้องกันเด็กบริสุทธิ์ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศได้สำเร็จโดยในเดือน ต.ค.นี้จะเปิดประชุมร่วมกับสมาชิก เพื่อยื่นเรื่องต่อประธาน ส.อ.ท. ก่อนที่จะมีการยื่นเรื่องต่อ ภาครัฐ
เหตุผลที่ทำให้ สุริยน ต้องเดินหน้าผลักดันในเรื่องของการสร้างแบรนด์สินค้ากลุ่มธุรกิจอัญมณี หัตถกรรม สิ่งทอ เครื่องหนัง เครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เนื่องจากปัจจุบันในต่างประเทศก็เริ่มมีการพยายามผลักดันในเรื่องดังกล่าว ซึ่งหากประเทศไทยก้าวช้ากว่า อาจทำให้เสียเปรียบทางการค้าได้
ดังนั้น สุริยน จึงพยายามเดินหน้าผลักดันให้ธุรกิจทั้ง 8 กลุ่ม สร้างแบรนด์ให้สำเร็จภายใน 4 เดือนนับจากนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนอกจากภาคเอกชนจะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการสร้างแบรนด์แล้ว ในส่วนของภาครัฐเองในฐานะ ผู้กำกับดูแลก็ต้องเข้ามาสนับสนุนในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อการผลักดันการสร้างแบรนด์สินค้าไทยให้ต่างชาติ รู้จักสำเร็จในระยะเวลาที่รวดเร็ว
สุริยน กล่าวปิดท้ายว่า "เราต้องประกาศการเป็น 'คันทรี่ อิมเมจ' ให้ได้ในเร็ววันนี้ เพราะถ้าเราทำสำเร็จทั้ง 8 กลุ่มธุรกิจจะสร้างรายได้เข้าประเทศ ไทยอย่างมหาศาล จากเดิมรายได้หลัก ส่วนหนึ่งของไทยจะเน้นไปที่การส่งออก แต่ถ้าเราสามารถสร้างแบรนด์สินค้าและดึงต่างชาติเข้ามาซื้อสินค้าไทยเพิ่มขึ้นได้สำเร็จ สัดส่วนจีดีพีของประเทศที่ 10% มาจาก 8 กลุ่มธุรกิจต้องเพิ่มขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน"
สำหรับภาพรวมธุรกิจส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ของไทยในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ที่ 5% เนื่องด้วยหลายตลาดการส่งออกยังขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัว เช่น สหรัฐ กัมพูชา เยอรมนี อินเดีย เบลเยียม ขณะที่ช่วงปลายปีโดยเฉพาะในไตรมาส 4 ยอดสั่งซื้อในทุกปีจะเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปจำหน่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ปีใหม่ และอื่นๆ
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินบาทที่มี ทิศทางอ่อนค่าได้ส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขัน ส่วนปัจจัยลบคือ สงครามการค้า แต่ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบ รวมถึงวิกฤตการเงินในตุรกีก็คาดจะกระทบไทยน้อยเพราะตุรกีไม่ใช่ตลาดหลักอัญมณีไทย
อย่างไรก็ดี หากทุกฝ่ายจับมือกันเพื่อสร้าง "คันทรี่ อิมเมจ" ให้กับประเทศ ไทยเกิดขึ้นได้เร็วๆ นี้ เชื่อว่าไทยจะได้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้อีกมหาศาล เพราะนักช็อปต่างชาติกระเป๋าหนักมากพอควร
ที่มา : https://www.posttoday.com/market/news/568852
Print this
เศรษฐกิจ, ข่าวการตลาด, อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ , ข่าวรายวัน
เตือนส่งออกเสื้อผ้าตรวจสอบก่อนส่ง EU
ย้อนกลับ
สถาบันอัญมณีฯ เปิดตัว TEMP Pop-Up Store ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านแฟชั่นและการออกแบบ
ถัดไป
THTI Insight
วารสาร
องค์ความรู้
เทคโนโลยีสิ่งทอ
ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม
ข้อมูล นำเข้า-ส่งออก
ข่าวรายวัน