หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2568 ฟื้นช้า สนค. หวั่นเศรษฐกิจผันผวนรอบทิศ

ดัชนีราคาผู้ผลิตไทย 2568 ฟื้นช้า สนค. หวั่นเศรษฐกิจผันผวนรอบทิศ

กลับหน้าหลัก
03.02.2568 | จำนวนผู้เข้าชม 227

ดัชนีราคาผู้ผลิตของไทยเดือน ม.ค. 68 ขยายตัว 0.7% รับแรงหนุนจากตลาดส่งออก แต่ยังมีความผันผวนจากการเผชิญแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีราคาผู้ผลิตของไทยเดือนมกราคม 2568 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2567 กลับมาขยายตัวเล็กน้อยจากราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่มีทิศทางเคลื่อนไหวตามราคาตลาดโลกและความต้องการของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง และราคาสินค้าหมวดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในตลาดผู้ส่งออก แต่ก็กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดโลก สภาพเศรษฐกิจของตลาดปลายทาง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้ภาพรวมของราคาผู้ผลิต ยังคงมีความผันผวนในระดับที่ทรงตัวหรืออาจจะมีความเคลื่อนไหวไม่มาก

สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมกราคม 2568 เท่ากับ 111.1 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2567 สูงขึ้นร้อยละ 0.7 เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาสินค้า หมวดผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมและการประมง สูงขึ้นร้อยละ 2.0 จากสินค้าสำคัญ ได้แก่ ยางพารา จากความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้นในตลาดส่งออกภูมิภาคใหม่  ผลปาล์มสด จากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกลดลง

ขณะที่ ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ สัปปะรดโรงงาน จากความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สุกรมีชีวิต และกุ้งแวนนาไม จากความต้องการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน

สำหรับสินค้าที่ราคาปรับลดลง ประกอบด้วย ข้าวเปลือกเจ้า จากการที่ประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญยกเลิกมาตรการระงับการส่งออก อ้อย จากฐานราคาของปีก่อนที่สูง ประกอบกับปีนี้ผลผลิตออกมาก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากความต้องการใช้ในภาคปศุสัตว์ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หัวมันสำปะหลังสด จากความต้องการในตลาดส่งออกที่ลดลง พืชผัก (มะนาว คะน้า พริกแห้ง)

นอกจากนี้ จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูกและมีปริมาณน้ำที่เพียงพอทำให้ปริมาณผลผลิตออกมาก และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 0.6 จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ ทองคำ เคลื่อนไหวตามราคากลไกตลาดโลก และอุปกรณ์กีฬา ปรับราคาขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก ได้แก่ ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และน้ำยางข้น เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย

ขณะที่ มีความต้องการอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มเครื่องจักรและเครื่องมือ ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ กลุ่มยานยนต์ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ ได้แก่ รถกระบะ และรถบรรทุกขนาดเล็ก กลุ่มสิ่งทอ ได้แก่ ผ้าใยสังเคราะห์ และเครื่องนอน ปรับราคาตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่มีการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ประกอบด้วย

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันก๊าด ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ เนื้อสุกร เนื้อปลาสดแช่แข็ง ปลาป่น มันเส้น และน้ำตาล เนื่องจากเป็นสินค้าส่งออกราคาลดลงตามอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าและการแข่งขันในตลาดโลก

  • กลุ่มโลหะขั้นมูลฐาน ได้แก่ เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น ท่อเหล็กกล้า เหล็กเส้น เหล็กฉาก เหล็กรูปตัวซี ลวดเหล็ก ตามปัจจัยด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง

  • กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี ได้แก่ เอทานอล สารพอลิเมอร์และสารเคมี (โพรพิลีน ไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ เพียวเทเรฟธาลิคแอซิด) เม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้นปรับราคาตามวัตถุดิบที่ลดลง

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรพิมพ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำและวงจรรวม Integrated Circuit (IC)และอุปกรณ์หน่วยรับข้อมูล/แสดงผล ตามปัจจัยอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง

ขณะที่หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ลดลงร้อยละ 2.0 จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว (คอนเดนเสท) แร่เหล็ก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ได้จากการทำเหมือง ได้แก่ ยิปซัม โดโลไมต์ ทราย เกลือ ซึ่งราคาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก

สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกุมภาพันธ์  2568 คาดว่าจะสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก

  1. ความต้องการบริโภคในภาพรวมของประเทศที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว

  2. ภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มจะขยายตัวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

ส่วนปัจจัยกดดันที่สำคัญยังคงเป็น

  • ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงส่งผลต่อการบริโภคภาคเอกชน

  • การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดผู้ส่งออกสินค้าเกษตร ประกอบกับฐานราคาสินค้าเกษตรในปีก่อนที่อยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านราคาพลังงาน อัตราแลกเปลี่ยน และผลกระทบจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในทิศทางใด ทั้งนี้ จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมกราคม 2568 จะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการขยายตัวยังคงเป็นปัจจัยจากภายนอก ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เห็นว่าควรมีมาตรการหรือแนวทางในการสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตภายในประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรให้มีความมั่นคง เช่น

  1. จัดให้มีตลาดรับรองสินค้าเกษตรที่ครอบคลุมชนิดสินค้าที่หลากหลาย เพื่อจูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจทางเลือกที่มีศักยภาพมากขึ้น ลดอุปทานส่วนเกินของตลาดสินค้าเกษตรหลัก

  2. ส่งเสริมการกระจายตลาดของผลผลิตทางการเกษตรแปรรูป เพื่อเพิ่มอุปสงค์ของสินค้าเกษตรและช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต

  3. รักษาระดับมาตรฐานสินค้าให้มีคุณภาพตลอดกระบวนการเพื่อสร้างการยอมรับของตลาด และช่วยยกระดับราคาของสินค้า

ที่มา : https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/618639

 

สิ่งทอ, เศรษฐกิจ, ข่าวรายวัน