การส่งออกนาฬิกาสวิสกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากตลาดจีนและฮ่องกง

การส่งออกนาฬิกาสวิสกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากตลาดจีนและฮ่องกง

“ตลาดสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันให้ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนกรกฎาคมขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากตลาดฮ่องกงและจีนที่ยังคงซบเซา”

ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนนี้ (เดือนกรกฎาคม 2024) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 อยู่ที่ 2.24 พันล้านฟรังค์สวิส หรือประมาณ 2.61 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส ซึ่งนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม หลังจากที่ยอดขายในเดือนมิถุนายนและพฤษภาคมลดลงถึงร้อยละ 7.0 และร้อยละ 2.2 ตามลำดับ เนื่องจากความต้องการในตลาดเอเชียยังคงซบเซา

โดยสมาคมอุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส ระบุว่า ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนกรกฎาคมเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวเล็กน้อย โดยตลาดหลักหลายแห่ง เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ ไต้หวัน และซาอุดีอาระเบีย มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนและฮ่องกงยังคงเผชิญกับภาวะซบเซาและลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6

ทั้งนี้ ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ โดยสหรัฐอเมริกาครองแชมป์ตลาดส่งออกสำคัญที่สุด ด้วยการเติบโตถึงร้อยละ 11.0 แตะที่ 382.2 ล้านฟรังค์สวิส (444.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามมาด้วยญี่ปุ่นที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.0 ขณะที่จีนและฮ่องกงซึ่งเคยเป็นตลาดหลักกลับเผชิญกับการหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงร้อยละ 33.0 และร้อยละ 19.0 ตามลำดับ นอกจากนี้ ตลาดในยุโรปตะวันตก เช่น ฝรั่งเศสและเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และซาอุดีอาระเบีย ก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน

ซึ่งผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับนาฬิกาในกลุ่มราคาประหยัดมากขึ้น ทำให้ยอดขายนาฬิกาที่มีราคาต่ำกว่า 200 ฟรังค์สวิส เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 14.0 ขณะเดียวกันกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงก็ยังคงมีความต้องการนาฬิกาหรู ส่งผลให้กลุ่มราคาสูงกว่า 3,000 ฟรังค์สวิส เติบโตร้อยละ 5.0 อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของความต้องการในตลาดนาฬิกาสวิส ตามลำดับ

สำหรับยอดส่งออกนาฬิกาสวิสในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า ปรับตัวลดลงร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือที่มูลค่า 15.16 พันล้านฟรังค์สวิส (17.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเฉพาะจากความอ่อนแอของตลาดจีนและฮ่องกง และในกลุ่มผลิตภัณฑ์ราคาสูง

---------------------------------------

Source: RAPAPORT.com 

Image: A Swiss-watch display. (Shutterstock)