เครื่องประดับและรองเท้าจะครองตลาดเสื้อผ้าในสหราชอาณาจักรหรือไม่?
‘แม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนแต่ตลาดเครื่องประดับแฟชั่นและรองเท้าในสหราชอาณาจักรกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดภายในปี 2028 สาเหตุหลักมาจากความนิยมของรองเท้าผ้าใบที่ยังคงแข็งแกร่ง ผู้บริโภคยังคงตัดสินใจลงทุนซื้อรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่ ๆ แสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้คนก็ยังคงให้ความสำคัญกับแฟชั่นและการดูแลตัวเอง’
The success of Shein and Cider has been supercharged by the emergence of ever-evolving fashion trends on Instagram and TikTok, influencing Gen Z shoppers in the UK to continually buy into the newest styles.
Credit: Shutterstock.
ตามรายงานของ GlobalData ตลาดเครื่องประดับแฟชั่นในสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดดในช่วงปี 2023-2028 คาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.7 แตะ 6.7 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
หากโฟกัสเฉพาะกลุ่มเครื่องประดับแฟชั่น คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 10.1 แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับในปี 2018 และมีความเสี่ยงที่จะลดลงต่อไป เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าเครื่องประดับเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นเท่าเสื้อผ้าและรองเท้า ทำให้เมื่อมีการตัดงบประมาณและใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง จึงทำให้ผู้บริโภคจะลดการซื้อเครื่องประดับลงก่อน
รองเท้าผ้าใบยังคงมาแรงส่งผลให้ตลาดรองเท้าเติบโตต่อเนื่อง ตลาดรองเท้าในสหราชอาณาจักรกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 17.9 ภายในปี 2028 สาเหตุหลักมาจากความนิยมของรองเท้าผ้าใบที่ยังคงสูงต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟมากขึ้น นอกจากนี้ รองเท้าผ้าใบยังได้รับการยอมรับว่าคุ้มค่าคุ้มราคา ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคในทุกกลุ่ม จึงทำให้ตลาดรองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าผ้าใบ ยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ตลาดรองเท้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดเสื้อผ้ากลับเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือร้อยละ 72.1 ภายในปี 2028 สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ผู้คนหันมาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ใช้งานได้หลากหลายและมีคุณภาพดี แทนที่จะตามเทรนด์แฟชั่นใหม่ ๆ นอกจากนี้ การเติบโตของตลาดเสื้อผ้ามือสองก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ตลาดเสื้อผ้าใหม่หดตัวลง โดยสรุปคือ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ตลาดเสื้อผ้าต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดเสื้อผ้าในสหราชอาณาจักร
แฟชั่นรวดเร็วครองใจ Gen Z เทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วบนโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram และ TikTok ทำให้แบรนด์แฟชั่นในกลุ่ม fast fashion อย่าง Shein และ Cider โด่งดังในหมู่วัยรุ่น Gen Z ในสหราชอาณาจักร พวกเขาถูกดึงดูดด้วยราคาที่ถูกและแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แม้จะรู้ถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ความต้องการแฟชั่นล่าสุดก็ยังคงสำคัญกว่าสำหรับ Gen Z
หลากหลายแบรนด์เร่งลงทุนเทคโนโลยีเสริมอีคอมเมิร์ซ เพื่อตอบรับกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดออนไลน์ในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ต่างเร่งลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีลองสินค้าเสมือนจริง แบรนด์ชั้นนำอย่าง John Lewis, H&M และ Bershka ได้นำเทคโนโลยีลองสินค้าเสมือนจริงมาใช้ เพื่อช่วยลูกค้าเลือกขนาดและสไตล์ที่เหมาะสม ลดปัญหาการคืนสินค้า และเพิ่มความมั่นใจในการซื้อสินค้าออนไลน์ และ Omnichannel แบรนด์ Primark ได้ขยายช่องทางการขายไปสู่ออนไลน์มากขึ้น ด้วยการเปิดให้บริการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และรับสินค้าที่ร้าน (click & collect) ทั่วสหราชอาณาจักร เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้น การลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของแบรนด์ต่าง ๆ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ
ตลาดสินค้าพรีเมียมในสหราชอาณาจักรเติบโตแข็งแกร่ง พบว่า ตลาดสินค้าพรีเมียมในสหราชอาณาจักรกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.7 ภายในปี 2028 สาเหตุหลักมาจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพและความหลากหลายในการใช้งานของสินค้ามากกว่าการตามเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ผู้บริโภคก็ยังคงต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดีและใช้งานได้นาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ หลายแบรนด์จึงปรับตัวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมมากขึ้น เช่น Marks & Spencer ที่เปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าระดับพรีเมียม หรือแม้แต่แบรนด์ราคาประหยัดอย่าง PrettyLittleThing และ George ก็หันมาทำตลาดพรีเมียมเช่นกัน โดยสรุปตลาดสินค้าพรีเมียมในสหราชอาณาจักรมีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการปรับตัวของแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดนี้
ทั้งนี้ แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง Phase Eight กำลังขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงมาก โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 225.6 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ทำให้แบรนด์เหล่านี้มีโอกาสในการขยายธุรกิจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ
-------------------------------------------
Source: JustStyle.com
Photo credit: Shutterstock