ผู้ค้าปลีกในสหราชอาณาจักรต่างมีความหวังว่า ตลาดจะกระเตื้องปลายปี หลังซบเซาในเดือนพฤศจิกายน
ยอดจำหน่ายค้าปลีกในสหราชอาณาจักรสูงขึ้น 2.7% ในเดือนพฤศจิกายน แต่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการเติบโต 4.2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากความล้มเหลวของวัน Black Friday (วันจับจ่ายใช้สอยที่ร้านค้าต่างๆ พากันลดราคากันเต็มที่) ที่ไม่ได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคที่ระมัดระวังค่าใช้จ่าย เลื่อนการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสออกไป
และดูเหมือนว่าผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร จะหันจากการซื้อของขวัญราคาแพง ไปซื้อของขวัญที่สบายกระเป๋ามากกว่า
จากข้อมูลของ BRC-KPMG Retail Sales Monitor (RSM) ซึ่งวัดยอดจำหน่ายค้าปลีกรายเดือนทั่วสหราชอาณาจักรอย่างแม่นยำ ในช่วง 4 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน พบว่า ยอดจำหน่ายค้าปลีกในสหราชอาณาจักรที่เพิ่มขึ้น 2.7% สูงกว่าการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนที่ 2.6% แต่ต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ 4.1%
Helen Dickinson OBE ผู้บริหารของ British Retail Consortium (BRC) กล่าวถึงแนวโน้มดังกล่าวว่า เนื่องจากวัน Black Friday เริ่มเร็วขึ้นในปีนี้ ผู้ค้าปลีกหลายรายจึงพยายามกระตุ้นยอดขายที่จำเป็นมากในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดิมมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการเติบโตที่สูงขึ้นของผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม
อย่างไรก็ตาม การกระเตื้องดังกล่าวไม่ได้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือน เพราะครัวเรือนต่างเลื่อนการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลคริสต์มาสออกไป
Dickinson กล่าวว่า ผู้ค้าปลีกกำลังใช้ประโยชน์จากช่วงนาทีสุดท้ายของบรรยากาศสุขสันต์ในเดือนธันวาคมและทำงานหนักต่อไปในการส่งมอบสินค้าที่มีราคาที่เข้าถึงได้ให้ลูกค้าเพื่อให้ทุกคนมีความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
สรุปยอดค้าปลีกของสหราชอาณาจักรในเดือนพฤศจิกายน :
ยอดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารลดลง 1.6% ในช่วง 3 เดือนจนถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ 0.5% ทั้งนี้ สำหรับเดือนพฤศจิกายน ยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารลดลงจากปีที่แล้ว
ยอดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารในร้านลดลง 0.8% ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ 0.6%
ยอดจำหน่ายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารออนไลน์ลดลง 2.1% ในเดือนพฤศจิกายน เทียบกับยอดจำหน่ายที่ลดลง 0.4% ในเดือนพฤศจิกายน 2565
สัดส่วนของสินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่ซื้อออนไลน์ (อัตราของผู้ที่มาเป็นลูกค้า) ลดลง 41.4% ในเดือนพฤศจิกายน จาก 41.6% ในเดือนพฤศจิกายน 2565
เมื่อมองไปข้างหน้า Dickinson มองว่า ความท้าทายที่ผู้ค้าปลีกอาจประสบในปี 2567 คือ อัตราธุรกิจและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากกฎระเบียบใหม่ ๆ ตามด้วยค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะทำให้ผู้ค้าปลีกมีเงินทุนที่เหลือน้อยลงในการลงทุนเพื่อลดราคา
Paul Martin หัวหน้าฝ่ายค้าปลีกของสหราชอาณาจักรที่ KPMG เห็นด้วยและกล่าวว่า ยิ่งใกล้เทศกาลคริสต์มาสเข้ามา ยอดจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนยังต่ำอยู่ที่ 2.7% ถึงแม้ผู้ค้าปลีกจะพยายามลดราคาลงอย่างมากในช่วงวัน Black Friday
Martin เสนอให้ผู้บริโภคงดการซื้อของขวัญราคาแพงและหันไปซื้อของขวัญที่สบายกระเป๋ามากกว่าการขายออนไลน์ลดลงอีก แต่อัตราผู้ที่เข้ามาเป็นลูกค้าสูงขึ้น 41.5% ซึ่งสะท้อนการจับจ่ายใช้สอยในวัน Black Friday ที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ Martin ตั้งข้อสังเกตว่า ‘ในขณะที่มีเวลาไม่ถึงเดือนก่อนเทศกาลคริสต์มาสและยอดขายที่ยังเติบโตอย่างกระท่อนกระแท่น ขณะเดียวกันวิกฤติค่าครองชีพมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้จ่ายในช่วงคริสต์มาสสำหรับหลายครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องก็กำลังทดสอบความสามารถในการปรับตัวของผู้บริโภค’
และยังคาดการณ์ว่า ระยะเวลาการลดราคาสินค้าจะยืดออกไป เพราะผู้ค้าปลีกต่างก็จะแข่งขันกันเพื่อแย่งลูกค้าที่ระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและเพื่อเคลียร์สต๊อก
Martin สะท้อนการคาดการณ์ความท้าทายในปี 2567 ของ Dickinson ที่อาจนำไปสู่ช่วงความยากลำบากในสาขาค้าปลีก โดยเฉพาะผู้เล่นออนไลน์แท้ ๆ ที่จะต้องประสบกับยอดจำหน่ายที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 28 เดือน
ท่ามกลางบรรยากาศของการค้าปลีกที่ท้าทาย Steve Ponting ผู้อำนวยการของ Software AG เน้นความสำคัญของการตัดสินใจที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ค้าปลีก และ Ponting ยังเน้นความจำเป็นที่จะต้องทำให้ลูกค้าพอใจทั้งในร้านและออนไลน์เพื่อรักษาลูกค้าเอาไว้และฝ่าฟันพลวัตของตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลง
-------------------------------------------------
Source: JustStyle
Photo credit: Shutterstock