
"เพชรแท้" หรือ "เพชรธรรมชาติ" เป็นอัญมณีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีความแข็งสูงที่สุดในบรรดาอัญมณีทั้งหมด ทรงคุณค่า ราคาแพง เป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาของคู่รัก และความมั่งคั่งของผู้ครอบครอง ได้รับความนิยมจากผู้คน เพราะความสวยงาม แวววาว ระยิบระยับ และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่นๆ
ราคาของ "เพชรแท้" หรือ "เพชรธรรมชาติ" ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เติบโตเฉลี่ยราวปีละ 4% เนื่องจากหาได้ยากขึ้น มีแนวโน้มผลิตได้ลดลง เพราะการก่อเกิด "เพชรแท้" หรือ "เพชรธรรมชาติ" ต้องใช้เวลาหลายล้านปี เกิดจากความกดดันและอุณหภูมิที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นโลก และถูกนำขึ้นมาพร้อมกับพวกแมคม่า(Magma) พร้อมแร่ชนิดอื่นๆทางภูเขาไฟ
เพชรแท้ เพชรธรรมชาติ แหวนแต่งงาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ "เพชรแล็บ" หรือ "Lab Grown Diamond" (LGD) จึงถูกสร้างขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการเพชร ของผู้คน โดยมีราคาถูกกว่า แต่ให้คุณสมบัติที่เหมือนกับ "เพชรแท้" หรือ "เพชรธรรมชาติ"ทุกประการ
"เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) เป็นเพชรที่มนุษย์ผลิตขึ้นในห้องทดลอง มีองค์ประกอบทางเคมีและคุณสมบัติทางกายภาพเหมือนกับเพชรที่มาจากธรรมชาติทุกประการ ต่างกันเพียงเรื่องแหล่งกำเนิด ซึ่งใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยอาศัยการจำลองการเกิดผลึกแบบเดียวกัน แต่ดำเนินการในห้องทดลองในระยะเวลาที่สั้นลงมากๆ จากหลายล้านปีเหลือเพียง 1-2 เดือน
เพชร
1. Chemical Vapor Deposition Diamonds (CVD)
กระบวนการผลิตเพชร Lab Grown Diamond “เมล็ดคริสตัล” ซึ่งเป็นเมล็ดเพชรขนาดเล็กมาก ถูกวางไว้ในโถงเล็กๆ ที่รมด้วยก๊าซความร้อนสูง เมื่อก๊าซถึงอุณหภูมิที่เหมาะสม ชั้นของคาร์บอนจะเริ่มก่อตัวบนผลึกของเมล็ดคริสตัล ทำให้เมล็ดเติบโตกลายเป็นผลึกเพชรรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
การผลิตเพชรแล็บ ด้วยวิธี Chemical Vapor Deposition Diamonds (CVD)
2. High Pressure High Temperature Diamonds (HPHT)
กระบวนการที่จำลองการก่อตัวของเพชรในธรรมชาติ โดยการวางแผ่นแกรไฟต์ภายในเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่บดอัดด้วยแรงดันและอุณหภูมิที่สูงมาก จนทำให้แกรไฟต์เปลี่ยนเป็นเพชรได้
ผลิตเพชรแล็บ ด้วยวิธี High Pressure High Temperature Diamonds (HPHT)
ปัจจุบัน "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) ส่วนใหญ่ได้รับการรับรองโดยสถาบัน IGI โดยใบเซอร์เพชรของ IGI จะประเมิน 4Cs การเจียระไน สี ความสะอาด และน้ำหนักกะรัต ที่แม่นยำตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด
นอกจากนี้ GIA ก็ยังให้การรับรองเพชรจากแล็บด้วยเช่นกัน โดยพัฒนาอุปกรณ์วิเคราะห์และแยกแยะความแตกต่างระหว่างเพชรธรรมชาติและเพชร Lab Grown Diamond
นักอัญมณีศาสตร์จึงใช้ ธาตุไนโตรเจน (N) เป็นเกณฑ์ในการแยกระหว่าง "เพชรแท้" หรือ"เพชรธรรมชาติ" กับ "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) ออกจากกัน เพราะ ธาตุไนโตรเจน (N) จะมีเฉพาะในเพชรแท้เท่านั้น
ใบเซอร์ เพชรแล็บ
ข้อดีของ "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD)
มีคุณสมบัติภายนอกที่เหมือนเพชรธรรมชาติ
ราคาเพชร Lab Grown Diamond ต่ำกว่าราคาเพชรธรรมชาติประมาณ 50-70%
วัดและประเมินคุณภาพเพชรได้ตามหลัก 4Cs
ไม่ผ่านกระบวนการทำเหมือง
ข้อควรระวังของ"เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD)
ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ
มูลค่าเพชรลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เพราะอุปทานมีไม่จำกัด ผลิตออกมาได้เรื่อยๆ
ควรคำนึงถึงสถาบันที่ออกใบเซอร์ เพชร Lab Grown Diamond
ใช้ทรัพยากรมหาศาล เนื่องจากต้องใช้ความร้อนสูงในการผลิตเพชรขึ้นมา
ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริโภคที่นิยมซื้อ "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) มากที่สุด คือ ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z และ Millennials ซึ่งนอกจากปัจจัยทางด้านราคาแล้ว ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ยังให้ความสนใจในเรื่องแหล่งที่มาของสินค้าและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
โดยผู้ผลิต "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) สำคัญของโลก ได้แก่ จีน ซึ่งครองสัดส่วนสูงที่สุด 90% รองลงมาเป็นอินเดีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
ปัจจุบันปริมาณการผลิต "เพชรแล็บ" หรือ " Lab Grown Diamond" (LGD) เติบโตขึ้นต่อเนื่อง สวนทางกับปริมาณการผลิตเพชรธรรมชาติที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ โดยในปี 2020 การผลิตอัญมณีเพชรธรรมชาติมีปริมาณเพียง 111 ล้านกะรัต จากเดิมที่เคยมีปริมาณการผลิตสูงที่สุดในปี 2017 อยู่ที่ 152 ล้านกะรัต ในขณะที่ปริมาณการผลิตอัญมณีเพชรสังเคราะห์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6-7 ล้านกะรัต
ที่มา : GIT , DITP , กรมทรัพยากรธรณี , ABC , GIA
ที่มา : https://www.thansettakij.com/business/580486