ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทออิตาลีและสถานการณ์ปัจจุบัน

ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทออิตาลีและสถานการณ์ปัจจุบัน

ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทออิตาลี 

คุณภาพสูง ความยืดหยุ่น และความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยเป็นจุดแข็งของภาคสิ่งทอและแฟชั่น ซึ่งเป็นตัวแทนของการเติบโตของเศรษฐกิจอิตาลีอย่างแท้จริง 

บริษัทผู้ผลิตและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอมีประมาณ 50,000 ราย ประกอบด้วยกับ คนทำงานจำนวนมากกว่า 400,000 คน บริษัทในอิตาลีส่วนใหญ่มีขนาดกลางและเล็ก ซึ่งบริษัทจำนวนร้อยละ 42 มีคนทำงานอยู่ระหว่าง 10 - 49 คน ส่วนบริษัทจำนวนร้อยละ 24 มีคนทำงานระหว่าง 50 - 99 คน และบริษัทเพียงร้อยละ 16 มีคนทำงานจำนวน 250 คนขึ้นไป

ในเรื่องของการรวมกลุ่มเป็นเขตอุตสาหกรรม มีการกระจุกตัวของบริษัทในภาคส่วนดังกล่าวทางตอนเหนือของประเทศมากที่สุด ในแคว้นลอมบาร์เดีย (Lombardia) คิดเป็นร้อยละ 56 ในแคว้นปิเอมอนเต้ (Piemonte) คิดเป็นร้อยละ 16 และในแคว้นทอสคาน่า (Toscana) คิดเป็นร้อยละ 10 และที่ต่ำกว่าร้ออยละ 10 ในแคว้นเวเนโต้ (Veneto) และแคว้นเอมิเลีย โรมาญญ่า (Emilia Romagna) 

สถานการณ์ปัจจุบัน 

อุตสาหกรรมสิ่งทออิตาลีมีลักษณะโดดเด่นด้วยห่วงโซ่ที่สร้างขึ้นอย่างยาวนาน ประกอบด้วยผู้ผลิตรายย่อยจำนวนมากในต้นน้ำ และจากกลุ่มขนาดใหญ่ที่มักเป็นบริษัทข้ามชาติ ที่ดูแลการตลาดขั้นสุดท้าย การกระจายตัวและการมีผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SME) นับพันราย ที่เป็นระบบต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทาน เป็นทั้งความเปราะบางและความยืดหยุ่นของระบบ ปัจจุบันที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ดังต่อไปนี้

ความท้าทาย 

1) ความท้าทายของตลาดภายในประเทศที่อ่อนไหวตามนโยบายราคา ที่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อสูง

2) ความต้านทานความกดดันด้านพลังงานราคาแพง ที่เพิ่มต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะพลังงานก๊าซจากรัสเซียที่ก่อให้เกิดวิกฤติอย่างหนัก กระทบห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมสิ่งทออย่างมาก เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง เช่น การปั่นด้าย การทอผ้า และการขนส่งสินค้า/วัตถุดิบ

3) ตลาดต่างประเทศที่ยังไม่พ้นวิกฤตโรคระบาด และความขัดแย้งของสงครามระหว่างรัสเซียและ ยูเครนที่มีแนวโน้มที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นอุปสรรคต่อการส่งออก โดยเฉพาะแฟชั่นเสื้อผ้าสตรีแบรนด์ระดับไฮเอนด์ที่ส่งออกไปรัสเซียเป็นลำดับที่เจ็ด มีมูลค่า 374 ล้านยูโร คิดเป็นร้อยละ 4.7 ของมูลค่าเสื้อผ้าสตรี และคิดเป็นร้อยละ 2.2 ของการส่งออกสินค้าแฟชั่นทั้งหมด ก่อนเกิดความขัดแย้ง (24 กุมภาพันธ์ 2565) การส่งออกไปรัสเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 มีมูลค่า 1.4 พันล้านยูโร หลังการปิดพรมแดนและอุปสรรคทางการเมือง การห้ามส่งออกสินค้าไปรัสเซีย (โดยตรง) ทำให้คำสั่งผลิตลดลงอย่างรวดเร็ว ร้านค้าแบรนด์อิตาลีในรัสเซียหลายแห่งต้องปิดกิจการ และซัพพลายเออร์ก็ถูกระงับเพราะหาสินค้าลำบาก นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบ ทางอ้อมในประเทศ ร้านค้าขาดรายได้จากการขายสินค้าแบรนด์แฟชั่นดัง ๆให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย

4) การค้าต่างประเทศของจีน ที่ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาสินค้า และเข้ามาแข่งขันด้านราคา และเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในอิตาลีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยการเข้าซื้อกิจการที่มีอยู่

โอกาส

ยังสามารถผลักดันการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัย ที่ยังกระจายไม่ทั่วถึงให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ทั้งยังสนับสนุนความก้าวหน้าทางการค้าผ่านช่องใหม่หลายช่องของอีคอมเมิร์ซและตลาด ตอกย้ำและปฎิบัติตามแนวทางความยั่งยืนและจริยธรรมในการผลิต ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายหน่วยงานกำลังพยายามนำมาใช้เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และในการประชาสัมพันธ์สินค้า

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวให้เข้ากับความยากลำบากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และแบรนด์แฟชั่นใหญ่ลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่หลังยกเลิกมาตรการโรคระบาดโควิด-19 ด้วยความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นอย่างเต็มกำลัง และผลลัพธ์ในความสำเร็จปรากฎผลในปี 2565 ที่มีมูลค่าการค้าสูงถึง 96.6 พันล้านยูโร และส่งออกถึง 80 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี 2564 คู่ส่งออกที่สำคัญของสินค้าสิ่งทอและเสื้อผ้าอิตาลี ได้แก่ ประเทศในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและเยอรมัน (ตลาดสินค้า หรูหรา แบรนด์ดัง) ส่วนประเทศนอกสหภาพยุโรป อิตาลีส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและจีนมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมสิ่งทอเรียกร้องการสนับสนุนจากรัฐบาลและนโยบายการป้องกันความแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมของการค้าระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคยุโรป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งโดยแท้จริง

-------------------------------------------------

ที่มา : 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

จัดทำโดย Business Support Center