Green Theme Technologies (GTT) พัฒนาเทคโนโลยีการตกแต่งด้วยสารเคลือบกันน้ำที่ทนทาน (DWR) รุ่นใหม่ของ Empel ชื่อ Empel DSR

Green Theme Technologies (GTT) พัฒนาเทคโนโลยีการตกแต่งด้วยสารเคลือบกันน้ำที่ทนทาน (DWR) รุ่นใหม่ของ Empel ชื่อ Empel DSR

Green Theme Technologies (GTT) ผู้พัฒนาสิ่งทอที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเทคโนโลยีการตกแต่งด้วยสารเคลือบกันน้ำที่ทนทาน (DWR) รุ่นใหม่ ภายใต้ ‘Empel’ ของบริษัทฯ ชื่อ Empel DSR ทั้งนี้ ผ้าที่ผ่านการรปรับคุณภาพด้วย Empel DSR สามารถใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้าเด็กไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง

เทคโนโลยี Empel แบบทั่วไป ประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ การใช้สารเคมีในสูตรของเหลว และการบ่มด้วยความร้อน ทั้งนี้ สูตรของเหลวประกอบด้วย hydrocarbon monomer และสารเคลือบน้ำ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับผ้าที่ใช้เครื่องจักรเคลือบสิ่งทอทั่วไป และหลังจากเคลือบผ้าแล้ว ม้วนผ้าจะผ่านแรงกดและความร้อน ซึ่งจะทำให้ปฏิกิริยา polymerization ของ monomer และทำให้สารเคลือบกันน้ำเกาะติดเส้นใยแต่ละเส้นภายในเสื้อผ้า

Empel ปราศจากสารประกอบ perfluorinated และ polyfluorinated compounds (PFCs) และไม่ส่งผลต่อการระบายอากาศของเนื้อผ้าที่ใช้ นอกจากนี้ กระบวยการ Empel จะไม่ใช้น้ำหรือตัวทำละลายใด ๆ ดังนั้น จึงเป็นขั้นตอนการตกแต่งแบบ ‘แห้ง’ และถือว่ามีความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมสูง Empel DSR เหมือนกับ Empel แต่มีการรับรองความยั่งยืนมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าที่ใช้ Empel DSR มีประสิทธิภาพในการลดคราบ เมื่อซักด้วยน้ำเย็น เป็นผลทำให้ใช้พลังงานน้อยลงในระหว่างการซักผ้า

ในการศึกษาที่ได้รับมอบหมายจาก GTT มีการใช้ผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่ยากต่อการขจัดออกและขึ้นชื่อเรื่องคราบเปื้อนกับโพลีเอสเตอร์และอะคริลิกที่ใช้ Empel DSR เช่น กาแฟ น้ำมันเครื่อง มัสตาร์ด ไวน์แดง น้ำสลัด และนำ้มันทาผิวเวลาอาบแดด ในการศึกษานี้ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะถูกทิ้งไว้บนผ้าเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปซักในเครื่องซักผ้าหนึ่งรอบโดยใช้นำ้เย็นและนำ้ยาซักผ้าขนิดน้ำ ผลการศึกษาพบว่า ผ้าสามารถขจัดคราบตามมาตรฐาน AATCC 130-2018 และ GTT พบว่า ผ้ายังคงทำงานตามมาตรฐาน AATCC 130-2018 หลังจากซัก 20 รอบ

นอกจากนี้ Empel DSR ยังสามารถกันน้ำได้ในระดับที่สูงกว่าผ้าที่ผ่านการเคลือบสารกันน้ำ ด้วยสารเคมี C6 และ C0 และเช่นเดียวกับ Empel ทั่วไป Empel DSR ยังเป็นไปตามมาตรฐาน 100 ของ Oeko-Tex อีกด้วย

—-------------------------------------------------

ที่มา: Home Textiles Update, Textile Outlook International, No 214

เรียบเรียง: ศูนย์ข้อมูลฯ (แผนกข้อมูลอุตสาหกรรม) สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ