หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / อินเดียจ่อลดภาษีสินค้าขั้นกลาง เปิดทางให้นำเข้าเพื่อต่อยอดและสร้างงานในประเทศ

อินเดียจ่อลดภาษีสินค้าขั้นกลาง เปิดทางให้นำเข้าเพื่อต่อยอดและสร้างงานในประเทศ

กลับหน้าหลัก
01.03.2566 | จำนวนผู้เข้าชม 667

อินเดียจ่อลดภาษีสินค้าขั้นกลาง เปิดทางให้นำเข้าเพื่อต่อยอดและสร้างงานในประเทศ

ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี กระทรวงการคลังของอินเดียจะทบทวนอัตราภาษีนำเข้า โดยเฉพาะสินค้าที่อินเดียจำเป็นต้องนำเข้ามาต่อยอดการผลิตและสร้างงานประเทศ ในปีนี้คาดว่าจะมีการลดภาษีนำเข้าสินค้าขั้นกลาง (Intermediate Goods) เพื่อลดต้นทุนและราคาของสินค้าสำเร็จรูป เอื้อให้เกิดการผลิตและสร้างงานในประเทศ โดยได้นำข้อเสนอแนะจากตัวแทนผู้ส่งออกมาพิจารณาอัตราภาษีใหม่ พร้อมทั้งหามาตรการต่าง ๆ มาสนับสนุน ซึ่งอินเดียมรการตั้งองค์กรภาครัฐร่วมเอกชนขึ้นมาดูแลการส่งออกของสินค้าเป็นการเฉพาะในแต่ละสาขา

ยกตัวอย่างเช่นในอุตสาหกรรมพลาสติก อินเดียมี Plastics Export Promotion Council of India (Plexconcil) เป็นเวทีติดตามความเคลื่อนไหวและหารือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ในปีงบประมาณนี้ (1 เมษายน 2566 - 31 มีนาคม 2567) Plexconcil ได้เสนอให้กระทรวงการคลังของอินเดียพิจารณาลดภาษีนำเข้า PVC Resin ซึ่งปัจจุบันเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 10 ในขณะที่องค์กรเพื่อการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มเสนอให้กระทรวงการคลังปรับลดภาษีนำเข้าใยสังเคราะห์ ด้ายเย็บผ้า เทปตีนตุ๊กแก ดอกไม้ผ้า และผ้าซับใน ส่วนองค์กรเพื่อการส่งออกเครื่องหนัง (Council for Leather Exports: CLE) ได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสำหรับหนังที่ผ่านการฟอกโครม (Wet Blue) เป็นต้น นอกจากนี้ สินค้าขั้นกลางอื่น ๆ ที่คาดว่าจะได้รับการลดภาษีนำเข้า ได้แก่ อาหารกุ้ง สารเคมีบางชนิด (Denatured Ethyl Alcohol, Acid Grade Fluorspar) ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิ โทรทัศน์ เลนส์ในกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเศษโลหะมีค่า และวัตถุดิบสำหรับเพชร Lab-Grown ทั้งนี้ อาจมีเงื่อนไขให้การนำเข้าด้วยอัตราภาษีใหม่ใช้ได้เฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะจากสหพันธ์ผู้ส่งออกแห่งอินเดีย (The Federation of Indian Export Organization: FIEO) ให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มงบประมาณสำหรับมาตรการคืนภาษีอากรสำหรับสินค้าส่งออก หรือ Remission of Duties & Taxes on Export Production (RoDTEP) ด้วย รวมไปถึงการลดภาษีรายได้สำหรับผู้ส่งออกที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมด้วย (Micro and Small Enterprises) ตลอดจนมาตรการช่วยลดต้นทุนการขนส่งอย่างยั่งยืนด้วยการสนับสนุนให้บริษัทใหญ่เข้ามาผลิตตู้คอนเทนเนอร์และจัดตั้งกองเรือแห่งชาติเพื่อการส่งสินค้าจากอินเดียไปยังตลาดโลก ซึ่งจะเป็นการลดการพึ่งพาสายการเดินเรือของต่างชาติ

ทั้งนี้ อินเดียตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี พ.ศ. 2571 โดยยกระดับการผลิตเพื่อสร้างงานภายในประเทศ (Make in India) แต่ยังคงมีการนำเข้าวัตถุดิบ/ส่วนประกอบที่จำเป็น (Critical Inputs) ในอัตราภาษีที่เหมาะสม ซึ่งสะท้อนแนวโน้มที่ดีต่อการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลางจากประเทศไทยที่สามารถนำไปต่อยอดในอินเดียได้ อาทิ วัสดุชีวภาพจากยางพาราและมันสำปะหลัง ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์จากกระดาษ ส่วนประกอบเสื้อผ้า และชิ้นส่วนของเครื่องจักรกล ในขณะเดียวกันอินเดียกำลังเร่งกระตุ้นการลงทุนที่ลดการพึ่งพาการนำเข้า ดังนั้น ในระยะยาวผู้ประกอบการรายกลางและรายใหญ่ที่มีความพร้อมควรพิจารณาการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตและต่อยอดมูลค่าเพิ่มในอินเดียด้วย โดยเฉพาะใน 14 สาขาอุตสาหกรรมที่อินเดียมีมตรการจูงใจ (อาทิ อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอุตสาหกรรมขั้นกลาง ๆ เป็นต้น)

สำหรับการนำเข้าสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดการจ้างหรือจัดซื้อสินค้าในอินเดียเข้าไปในห่วงโซ่อุปทาน อาทิ ของเล่น อุปกรณ์สื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก กระดาษพิมพ์ภาพถ่าย เครื่องประดับเทียม ร่ม และหูฟัง ซึ่งอินเดียมีแนวโน้มที่จะขึ้นภาษีนำเข้าหรือมีมาตรการควบคุมคุณภาพต่อไป

ที่มา : 

1) www.economictimes.indiatimes.com 

2) www.timesofindia.indiatimes.com 

3) www.theindubusinessline.com มกราคม 2566 

4) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

กฎระเบียบสิ่งทอ, อุตสาหกรรม, สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, สินค้าขั้นกลาง, อินเดีย, ภาษี, นำเข้า, สร้างงาน, ในประเทศ, Make in India