Nordic Swan Ecolabel ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

Nordic Swan Ecolabel ข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

ฉลาก Nordic Ecolabel หรือ “Swan” เป็นฉลากสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic countries) ประกอบด้วย ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและการบริโภค และเพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉลี่ยแล้ว ชาวนอร์ดิกทุกคนซื้อผลิตภัณฑ์สิ่งทอใหม่ประมาณ 13-16 กิโลกรัมต่อปี

ข้อกำหนดใหม่ของ Ecolabel จะมุ่งเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ โดยเน้นที่คุณภาพและอายุขัยที่เพิ่มขึ้น และการห้ามทิ้งเสื้อผ้าส่วนเกิน 

Cathrine Pia Lund ซีอีโอของ Nordic Swan Ecolabel กล่าวว่า หน่วยงานได้ออกข้อกำหนดที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นสำหรับผู้ผลิตสิ่งทอ เนื่องจากอุตสาหกรรมมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ในปัจจุบันสหภาพยุโรปและนอร์เวย์เรียกร้องให้การผลิตสิ่งทอมีความยั่งยืนและเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนมากขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่อุตสาหกรรมจะยอมรับความท้าทายและใช้เครื่องมือที่มีอยู่เพื่อทำให้กระบวนการเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้น

ปัจจุบัน Nordic Swan Ecolabel ได้กำหนดข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องของวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดสำหรับสารเคมีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  

ข้อกำหนดเพิ่มเติมในฉลากสิ่งแวดล้อม

ข้อกำหนดสำหรับไมโครพลาสติก ผู้ผลิตต้องวัดปริมาณไมโครพลาสติกที่แพร่กระจายจากสิ่งทอสังเคราะห์ โดยจะต้องมีการทดสอบที่ได้มาตรฐาน และรายงานผลไปยังองค์กร Microfibre Consortium โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขีดจำกัดตามระยะเวลา  

เส้นใยสิ่งทอต้องเป็นแบบออร์แกนิก รีไซเคิล หรือทำจากชีวภาพ ผ้าฝ้ายที่ใช้ในเสื้อผ้าต้องเป็นฝ้ายออร์แกนิกหรือฝ้ายรีไซเคิล 100% กรณีเช่นชุดทำงาน เส้นใยสังเคราะห์จะต้องนำกลับมารีไซเคิลหรือผลิตจากวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ห้ามเผาและทิ้งเสื้อผ้าที่ขายไม่ออก ไม่อนุญาตให้เผาหรือทิ้งเสื้อผ้าที่ขายไม่ออก และผู้ผลิตยังต้องรายงานต่อหน่วยงานว่าจะทำอย่างไรกับสินค้าที่ขายไม่ออกเหล่านี้ 

สภาพแวดล้อมในการทำงานต้องเป็นไปตามอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) สถานที่ผลิตสิ่งทอปฏิบัติตามอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ซึ่งห้ามการใช้แรงงานบังคับ แรงงานเด็ก และการเลือกปฏิบัติ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในเรื่องค่าจ้างและเวลาทำงานที่สมดุล โดยหน่วยงานจะมีการไปตรวจเยี่ยมสถานที่ผลิตทุกแห่งไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก