
ดันอัญมณีไทยส่งออกสู้โควิด
แมคคินซี (McKinsey)...ได้คาดการณ์ไว้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มอุตสาหกรรมฟุ่มเฟือยจะเปลี่ยนโฉมจาก “From ownership to experience and back again to ownership”
หรือพูดง่ายๆก็คือ...จากที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ยุคเบบี้บูม ชอบซื้อทรัพย์สินครอบครอง รุ่นลูก...โดยเฉพาะรุ่นมิลเลนเนียม กลับนิยมที่จะเสพประสบการณ์ที่หรูหรามากกว่าที่จะเอาเงินไปซื้อเครื่องประดับฟุ่มเฟือย เพราะพวกเขามีความสุขในการที่จะโชว์ประสบการณ์การกินอยู่ การเที่ยว การใช้ชีวิตที่หรูหรา
เพื่ออวดเพื่อนในโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากปรัชญาการใช้ชีวิตที่เป็นแบบมุมมองระยะสั้น การหาความสุขใส่ตัวจบเป็นครั้งๆไป ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่สำนัก McKinsey เชื่อว่า...“คนทุกรุ่นทุกวัย จะกระเหม็ดกระแหม่กับการใช้เงินไปกับการซื้อประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น แต่จะหันกลับไปให้ความสำคัญกับการครอบครองเป็นเจ้าของทรัพย์สินมากกว่า”
ซึ่งอันนี้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับอุตสาหกรรม “อัญมณี” และ “เครื่องประดับ” แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะชะล่าใจได้ เพราะมีอุตสาหกรรมอื่นที่เข้ามาแย่งพื้นที่เราได้มากมาย เช่น รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ผู้ประกอบการ แทบทุกวงการก็ออกมาลดแลกแจกแถมกันอย่างมากมายเช่นกัน
การประชุมวิชาการนานาชาติอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 7 “Towards the Sustainable Gem Industry Beyond 2022” จัดโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มุ่งหวังขับเคลื่อน เติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอัญมณีและเครื่องประดับในทุกมิติ
“สัญญาณความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นและเกิดขึ้นแล้วภายในงานประมูลพลอยที่ผ่านมา มียอดประมูลพลอยสูงถึง 88 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมูลค่าที่สูงมาก ดังนั้นความต้องการในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับยังมีทิศทางเป็นบวก โดยราคายังมีการปรับขึ้นอีกราว 3-4% แสดงให้เห็นถึงดีมานด์ที่ยังมีต่อเนื่อง”
สุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ GIT บอกอีกว่า อัญมณีและเครื่องประดับของไทยจัดเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ สร้างมูลค่าการค้าในแต่ละปี เป็นอันดับต้นๆของประเทศมาเป็นเวลานาน โดยตัวเลขการส่งออกรวมทองคำในรอบ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.64) ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 9,215.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
น่าสนใจด้วยว่า...มีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ
เพื่อเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย พร้อมกับการเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เราจึงจัดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับนี้ขึ้นมา
แนวคิด “Towards the Sustainable Gem Industry” แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ทั้งด้านการตรวจสอบ การออกแบบ การตลาดรวมถึงวิเคราะห์ทิศทางอุตสาหกรรมอัญมณีโลกที่กำลังเกิดขึ้นก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายระหว่าง “ไทย”...“ต่างชาติ” ก่อให้เกิดคุณค่าต่ออุตสาหกรรม
ที่สำคัญ...จะสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมอัญมณีไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันระบบเศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ที่น่าสนใจอาทิ เทรนด์ของอุตสาหกรรมอัญมณี...เครื่องประดับ ในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม
การศึกษาระบบสำแดง...ติดตามแหล่งที่มาของพลอยสีโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนระบบการเก็บข้อมูลที่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับโลก ที่จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของตลาดโลก ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิจัย ผู้ประกอบการจากทั่วโลกกว่า 150 รายเข้าร่วม
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือมีการจัดแสดงพลอยสวยน้ำงาม คุณภาพสูงที่ได้รับรางวัลจากการประกวด “GIT’s Enchanting Ruby & Sapphire Award” ซึ่งหาชมที่ไหนไม่ได้ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์สินค้าอัญมณีคุณภาพของประเทศไทย...ส่งเสริม กระตุ้นให้เกิดความสนใจในการซื้อขายอัญมณีไทยมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สถาบันยังได้จัดกิจกรรมที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นจากงานด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว โดยจัด งานประชุมวิชาการด้านพลอยสี (Corundum Symposium) ควบคู่ไปด้วย เน้นความสำคัญกับอัญมณีประเภทคอรันดัม ได้แก่ ทับทิม ไพลิน บุษราคัม แซฟไฟร์สีต่างๆ ซึ่ง “ประเทศไทย”...เป็นผู้ส่งออกหลัก
สินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสริมว่า อัญมณีและเครื่องประดับนับเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆ
แม้ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 “อัญมณี” และ “เครื่องประดับ” ของไทยจะมีมูลค่าส่งออกลดลงถึงร้อยละ 40 ในปี 2563 แต่ตลอดปี 2564 พบสัญญาณบวกเรื่อยมา
นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่การส่งออกสินค้านี้ปรับเพิ่มขึ้นโดยตลอด ส่งผลให้สถิติรอบปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกรวมทองคำพุ่งสูงขึ้นถึง 6,158.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มถึง 26.94%
คาดกันว่า...แนวโน้มในปี 2565 การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะยังคงดีอย่างต่อเนื่อง
งาน GIT 2021 และงานประชุมด้านพลอยสี...ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ในฐานะศูนย์กลาง “การผลิต”...“การค้า” ของโลก ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ ผลักดันให้ก้าวข้ามความท้าทายในการส่งออกยุควิถีความปกติใหม่...Next Normal
กล่าวกันว่า...ในช่วงหลังวิกฤติ โอกาสที่เครื่องประดับที่อยู่ในกลุ่มไฮเอนด์กับระดับล่างไปเลยน่าจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า เพราะผู้บริโภคมองถึงความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปมากกว่า
ความจริงข้อนี้สะท้อนว่า คนที่ซื้อ “เครื่องประดับไฮเอนด์” จะมองว่าสิ่งที่เขาซื้อสามารถตอบสนองวัตถุประสงค์ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการลงทุน หรือการตกแต่งร่างกายไปในตัว และคนกลุ่มนี้ก็จะมีพฤติกรรมการซื้อที่ถือเป็นการปลดปล่อย หลังจากอั้นไม่ได้จับจ่ายมาในช่วงเวลาหนึ่ง
ส่วนเครื่องประดับที่เป็นโลว์เอนด์นั้นก็จะได้รับผลกระทบน้อย โอกาสที่ผู้บริโภคจะกลับมาซื้อก็นับว่ามีมากกว่าสินค้าระดับกลาง เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงประกอบกับสามารถตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เหมือนกับที่นักการตลาดกล่าวถึง...“Lipstick Effect” ว่า...
ในช่วงวิกฤติ ลิปสติกกลับเป็นสินค้าที่ขายดี เนื่องจากราคาไม่แพง แต่ช่วยยกระดับอารมณ์ได้มากเกินราคา
และระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์นี้ ยังมี งานแสดงสินค้าพลอยและเครื่องประดับนานาชาติจันทบุรี 2021 ณ ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี เคพี จิวเวลรี่ เซ็นเตอร์ และบริเวณตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ ยังมีเวลาสำหรับผู้ที่สนใจเลือกชม เลือกซื้อ...อัญมณีไทยที่สวยงามได้ตามความชอบ
มั่นใจว่าการส่งออกทั้งปีนี้อัญมณีและเครื่องประดับไทยจะโตแน่นอน จากเป้าที่กระทรวงวางไว้โต 5% แต่วันนี้เราโตไป 27% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงมาก...สุเมธ ฝากทิ้งท้ายว่า ผู้ประกอบการไทยต้องสร้างธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรวจสอบติดตามถึงแหล่งที่มาได้ เพราะเป็นเทรนด์ที่โลกกำลังให้ความสำคัญ
“อัญมณี...เครื่องประดับไทย” โอกาสยังสดใส ต้องเร่งดันเร่งสร้างทั้งระบบให้เข้มแข็ง.