จับตามองเทรนด์รองเท้ากีฬาในทศวรรษหน้า

กลับหน้าหลัก

จับตามองเทรนด์รองเท้ากีฬาในทศวรรษหน้า

ธุรกิจรองเท้ากีฬายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมรองเท้ากีฬาทั่วโลกจะอยู่ที่ 165.00 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มูลค่า 109.70 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50.4

จากรายงานการวิจัยตลาดรองเท้ากีฬาซึ่งจัดทำโดย Allied Market Research ได้คาดการณ์ว่าความต้องการรองเท้ากีฬาจะเพิ่มขึ้นจนถึงปี 2573 ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญในการเสริมสุขภาพทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยผลิตภัณฑ์ที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตสูงสุดในปีหน้า ได้แก่ รองเท้าวิ่ง ในขณะที่รองเท้ากีฬาประเภทอื่น ๆ คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้บทวิเคราะห์ Sneakernomics: แนวโน้มการค้าปลีกผลิตภัณฑ์กีฬาในปี 2565 ของ NPD Group ยังให้บทสรุปที่สอดคล้องกัน คือ อุปกรณ์สำหรับการวิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในแฟชั่นแนวสตรีทแวร์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา Matt Powell นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมกีฬาของ NPD Group สรุปว่า เทรนด์ที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้แบรนด์และผู้ค้าปลีกเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด สำหรับผู้ค้าที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในครั้งนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

เทรนด์ในปี 2565

บทวิเคราะห์ Sneakernomics: แนวโน้มการค้าปลีกผลิตภัณฑ์กีฬาในปี 2565 เน้นย้ำว่าผู้บริโภคมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับอุตสาหกรรมกีฬาทั่วโลก

ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโควิด 19 ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานของภาคการผลิตเกิดภาวะชะงักงัน แต่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายในช่วงประมาณกลางปีแต่ยังเป็นการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ อีกทั้งมีปัญหาในเรื่องของต้นทุนค่าน้ำมัน โลจิสติกส์ และวัตถุดิบที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคารองเท้าเพิ่มขึ้น รวมถึงในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยให้เงินช่วยเหลือลดลงทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง

นอกจากนี้ยังการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาจะมีความต้องการที่จะเพิ่มสูงขึ้นในกลางปีนี้ อีกทั้งจะมีการจัดโปรโมชั่นและการลดราคาของผู้ค้า ซึ่งจะทำให้ได้กำไรเพิ่มขึ้นจากแพร่ระบาดที่ลดลง

ที่มา : World Footwear: “Sports footwear trend will grow by 50% in the next decade”, January 27, 2022