
Fast Retailing กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนภายในปีงบประมาณ 2030
Fast Retailing บริษัทโฮลดิ้งด้านการค้าปลีกเสื้อผ้าชั้นนำของญี่ปุ่น เดินหน้าแนวคิดไลฟ์แวร์ (LifeWear) โดยกำหนดเป้าหมายการทำเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นเครื่องแต่งกายที่ไม่เพียงแต่เน้นคุณภาพ การออกแบบ และราคา แต่ยังตรงตามคำจำกัดความของ “เสื้อผ้าที่ดี” จากมุมมองของสิ่งแวดล้อม ผู้คน และสังคม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญานี้ Fast Retailing ได้กำหนดเป้าหมายปีงบประมาณ 2030 และแผนปฏิบัติการสำหรับพัฒนาความยั่งยืนหลากหลายรูปแบบโดยใช้แนวคิด LifeWear ซึ่งจะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ที่ครอบคลุมทั้งความยั่งยืนและการเติบโตของธุรกิจ
โคจิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสของ Fast Retailing กล่าวว่า “การจัดหาเสื้อผ้าที่ลูกค้าสามารถใช้ได้เป็นเวลานานเป็นเป้าหมายของธุรกิจของเรามาหลายปีแล้ว เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มปรากฏชัดขึ้น เราจึงได้พัฒนาปรัชญาของเราต่อไป และกำลังดำเนินมาตรการเพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงอนาคตของเสื้อผ้า ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เกิดสังคมที่ยั่งยืน ด้วยการก้าวไปข้างหน้าผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือในวงกว้างจากลูกค้าและบริษัทพันธมิตร Fast Retailing จะสร้าง “อุตสาหกรรมใหม่” ด้วยการทำให้ LifeWear พร้อมให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ปรับปรุงชีวิตของผู้คนและสังคมทั่วโลกได้”
เป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืนในปีงบประมาณ 2030
ในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน Fast Retailing ได้จัดทำนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมโดยการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้ผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและโลก ตามนโยบายดังกล่าว Fast Retailing ถือเอาประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมนำเป้าหมายจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) มาใช้ในการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ในเดือนกันยายนปีนี้ บริษัทได้ประกาศเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปีงบประมาณ 2530 ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้ได้รับการอนุมติโดย Science-Based Targets by the SBT initiative (SBTi).
เป้าหมายและแนวปฏิบัติเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• ลดการใช้ไฟฟ้าในร้านค้าผ่านโครงการประหยัดพลังงานต่างๆ โดยมีเป้าหมายที่จะประหยัดได้ประมาณ 40% ในร้านยูนิโคล่โรดไซด์และลดลงประมาณ 20% สำหรับร้านค้าในห้างสรรพสินค้า
• ภายในปีงบประมาณ 2521 ร้านยูนิโคล่ จำนวน 8 ร้านในญี่ปุ่นได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นระบบการประเมินอาคารสีเขียวที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในโลก
• พัฒนารูปแบบร้านค้าแบบใหม่ที่ประหยัดพลังงานสูง โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเปิดตัวร้านค้าต้นแบบในช่วงปี 2023
• เปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้าในร้านค้าและสำนักงานสำคัญทั่วโลกมาใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนภายในปีงบประมาณ 2530 ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2021 ร้านยูนิโคล่ จำนวน 64 แห่งใน 9 ประเทศในยุโรปได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว และภายในสิ้นปี 2021 ร้านในอเมริกาเหนือและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเปลี่ยนเช่นกัน
เป้าหมายสำหรับห่วงโซ่อุปทาน
• ด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับโรงงานคู่ค้า ทำให้ Fast Retailing สามารถวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งคิดเป็น 90% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของการประกอบธุรกิจของบริษัท
• ภายในเดือนพฤศจิกายน 2021 บริษัทได้ระบุเงื่อนไขของโรงงานคู่ค้าหลักที่ผลิตสินค้าของ ยูนิโคล่ และ GU มากถึง 90% ในการวางแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และดำเนินโครงการเพื่อการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ การกำจัดคาร์บอน และการใช้พลังงานหมุนเวียน
• จัดตั้งกระบวนการและโครงสร้างสำหรับพนักงานจากส่วนงานผลิตและความยั่งยืนถึง 150 คน เพื่อดูแลและบริหารโครงการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์
นับตั้งแต่ปี 2019 ยูนิโคล่ได้เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลลมาใช้มากขึ้นเรื่อย อาทิ คอลเลคชั่น Spring/Summer 2022 ที่มีเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ถูกรีไซเคิลจากขวดพลาสติก PET ประมาณ 15%
• 2019SS: ผลิตภัณฑ์เสื้อโปโล DRY-EX ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล
• 2020FW: ผลิตภัณฑ์ Fluffy Yarn Fleece ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 30%
• 2021SS: กระเป๋าคาดเอวใช้ไนลอนรีไซเคิลถึง 30%
บริษัทยังเดินหน้านำเสนอวัสดุอื่นๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น เส้นใยสังเคราะห์อย่างเรยอนและไนลอน
โครงการด้านการลดขยะ
• ในเดือนกรกฎาคม 2019 Fast Retailing กำหนดนโยบายสำหรับบริษัทในเครือเพื่อยกเลิกพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวที่ไม่จำเป็น
• ตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ถุงพลาสติกได้ถูกเปลี่ยนเป็นถุงกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และในเดือนกันยายน 2020 ยูนิโคล่ และ GU เริ่มคิดค่าใช้จ่ายสำหรับถุงกระดาษที่ร้านในญี่ปุ่น โดยลูกค้ากว่า 70% ปฏิเสธไม่รับถุงชอปปิ้ง
• ตั้งแต่ปี 2019 GU ได้เปิดตัวโครงการโครงการในการเก็บราวแขนเสื้อผ้าจากร้านและนำกลับไปให้โรงงานเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่
• ตั้งแต่ปี 2020 บริษัทเริ่มใช้วัสดุชนิดเดียวสำหรับบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า เพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิลต่อไป
• ตั้งแต่ปี 2021 สำหรับการรีไซเคิล บรรจุภัณฑ์ บริษัทยังเปิดตัวพื้นที่เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ (proof-of-concept) สำหรับการแยก เก็บ และดำเนินการรีไซเคิลในร้านยูนิโคล่ และ GU บางแห่ง
* บรรจุภัณฑ์ กล่องสำหรับการขนส่ง ถุงพลาสติก ไม้แขวนเสื้อ ฯลฯ
การจัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ โดยจัดทำนโยบายการจัดซื้อสำหรับวัสดุที่ทำจากพืชและสัตว์ต่าง ๆ ให้มีจริยธรรม
ส่งเสริมโครงการด้านสังคมทั่วโลก ผ่านการขยายกิจกรรมด้านสังคมระดับโลกผ่านการประกอบธุรกิจเสื้อผ้า โดยบริษัทร่วมมือกับ Fast Retailing Foundation และ Yanai Tadashi Foundation ในการขยายกิจกรรม
ดำเนินการด้านความหลากหลาย และการยอมรับความแตกต่าง โดยเน้นการเคารพความแตกต่างและหลากหลายของพนักงาน สร้างที่ทำงานที่พนักงานสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ ทั้งจะเพิ่มให้มีผู้บริหารผู้หญิงสูงถึง 50% ของจำนวนผู้บริหารทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2030
รวมทั้งเน้นการสร้างความสามารถให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อบ่มเพาะผู้นำและผู้บริหารรุ่นใหม่ นอกจากนั้น จะจ้างงานคนพิการเพิ่มขึ้น และออกแบบร้านค้าให้เหมาะสมกับความหลากหลายและขยายผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม และเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในหมู่พนักงานและลูกค้าด้วย
ที่มา : Fast Retailing: “Fast Retailing Establishes Fiscal 2030 Sustainability Targets and Action Plan - Making LifeWear a "New Industry," and Accelerating the Transition to a New Business Model Supporting Both Sustainability and Growth”, December 12, 2021