หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / ส่งออกเครื่องนุ่งห่มปี’65 โต 15% อีเวนต์กีฬาดันยอดขายไม่หวั่นโอไมครอน

ส่งออกเครื่องนุ่งห่มปี’65 โต 15% อีเวนต์กีฬาดันยอดขายไม่หวั่นโอไมครอน

กลับหน้าหลัก
13.12.2564 | จำนวนผู้เข้าชม 580

ส่งออกเครื่องนุ่งห่มปี’65 โต 15% อีเวนต์กีฬาดันยอดขายไม่หวั่นโอไมครอน

ส่งออกเครื่องนุ่งห่มปี’65 ฟื้นตัวโตถึง 10% ไม่หวั่นโอไมครอน มั่นใจ Q2 กลับมาจัดกิจกรรมด้านกีฬาดันยอดความต้องการพุ่ง ปัญหาสหรัฐ-จีน หนุนย้ายออร์เดอร์เข้าไทย ต้นทุนวัตถุดิบ “ฝ้าย-โพลิเอสเตอร์” ปรับลดลงแล้ว จับตาปัจจัยเสี่ยง ตู้คอนเทนเนอร์ขาด-ระวางแพง-แรงงานขาด 15,000 คน ค่าเงินบาทแข็งค่า


นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มการส่งออกเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มไทยในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัว 10% ส่วนสิ่งทอจะขยายตัว 20% จากตลาดการส่งออกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เมื่อเทียบก่อนที่จะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562 ส่วนภาพการส่งออกเครื่องนุ่งห่มในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 7% ส่วนสิ่งทอคาดว่าจะขยายตัว 1-2% จากฐานการส่งออกในปีที่ผ่านมาหดตัวจากผลกระทบของโควิด-19

“ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีหน้าไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากประเทศทั่วโลกคุ้นเคยกับปัญหานี้มาแล้ว 2 ปี มีประสบการณ์ในการรับมือมากขึ้น แต่ยังมีเรื่องการเฝ้าระวังและมีมาตรการป้องกันปัญหา ทางผู้ส่งออกยังเชื่อว่าในปีหน้า ช่วงต้นปีก็อาจจะกังวลเรื่องของโอไมครอนอยู่บ้าง แต่หากทุกคนได้รับรู้ข้อมูลที่ชัดเจนถึงการป้องกันและรักษา ก็มั่นใจว่าธุรกิจจะเหมือนเดิม”


“คงจะไม่เห็นการปิดประเทศทั้งหมดอย่างที่ผ่านมาเมื่อ 1-2 ปี การเดินทางการทำธุรกิจยังคงดำเนินการไปได้ แต่คงมีการเฝ้าระวัง และหลายประเทศพยายามจะสรรหายา วัคซีนมาควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด คาดว่าในไตรมาส 2 ของปี 2565 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น และจะมีการจัดกิจกรรมด้านการกีฬามากขึ้น จากที่อั้นมานาน ความต้องการใช้เสื้อผ้ากีฬาในตลาดจะเพิ่มมากขึ้น”


นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากการเติบโตในภูมิภาคนี้ แต่ไม่รวมจีน แม้ปัญหาโควิด-19 หรือสายพันธุ์ใหม่อย่างโอไมครอน ซึ่งจะมีผลกระทบบ้างจนถึงต้นปี แต่ยอดการขาย คำสั่งซื้อก็ยังเชื่อว่ามีเข้ามา แต่จะไม่สูงนัก


โดยความต้องการสินค้ามาจากปัญหาระหว่างสหรัฐ-จีน เนื่องจากจีนต้องการซื้อ-ขายสินค้ากับสหรัฐ โดยใช้เงินหยวน เนื่องจากไม่ต้องการสำรองเงินเหรียญสหรัฐมากนัก แต่สหรัฐไม่ยอม และสหรัฐเริ่มหันไปประเทศอื่น เพื่อสั่งซื้อสินค้าก็เป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย ส่วนตลาดหลักสำคัญอื่นทั้งยุโรป ญี่ปุ่น ภายหลังจากเปิดประเทศก็เริ่มมีความต้องการนำเข้าสินค้ามากขึ้นเช่นกัน


อย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในปีหน้า และคาดว่าจะกระทบในระยะ 3-5 เดือนนับจากนี้ไป ความต้องการตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าขนส่งที่สูงขึ้น จากราคาพลังงานที่สูงขึ้น มีผลต่อค่าใช้จ่ายสูงต่อไปอย่างน้อยจากนี้ 1 ไตรมาส แต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่ลดลง คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 2 ปี 2565 เมื่อสถานการณ์นี้ดีขึ้นจะมีผลต่อภาพของเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น


“จากปัญหานี้เป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจฟื้นช้า เพราะตู้คอนเทนเนอร์ขาด เรือไม่มีหรือมีก็แพง และเชื่อว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้ดีขึ้น สิ่งที่ต้องจับตาคือ เรื่องของค่าเงิน เพราะอาจจะแข็งค่า และถ้าไปอยู่ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็จะฉุดการส่งออก ซึ่งผู้ส่งออกรับได้หากค่าเงินค่อย ๆ แข็งค่าขึ้น จะควบคุมได้ แต่ไม่ใช่ผันผวนเกินไปในระยะสั้น ค่าเงินแข็งค่า 1-2 บาท ก็จะกระทบต่อคำสั่งซื้อ เพราะหวั่นจะขาดทุน ตัวเลขที่จะทำให้การส่งออกไปได้ดีก็ประมาณ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ”


นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาแรงงานขาดแคลน 10-15% ประมาณ 10,000-15,000 คน หากยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะเป็นอุปสรรคการผลิต ผู้ประกอบการต้องปรับแผนการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อที่เข้ามา เช่น อาจจะปรับเวลาการทำงาน เพิ่มค่าโอที เพื่อไม่ให้กระทบคำสั่งซื้อ และลูกค้าหันไปหาคู่แข่ง


นอกจากนี้ยังต้องติดตามปัญหาการเมืองในปีหน้าซึ่งจะมีการเลือกตั้ง จะเดินหน้าไปได้ไหม สถานการณ์จะเปลี่ยน มีการเดินขบวนหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่กังวลเพราะจะทำให้ผู้ซื้อ นักลงทุนต่างประเทศอาจจะชะลอการเข้ามาลงทุน หรือชะลอคำสั่งซื้อออกไป เพราะกังวลว่าจากปัญหานี้จะทำให้มีผลต่อการผลิตและการส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อหรือไม่


ส่วนปัญหาต้นทุนด้านวัตถุดิบในปีหน้ามีแนวโน้มลดลง เช่น ไฟเบอร์ ผ้าดิบ ผ้าย้อม เส้นด้าย ราคาลดลงจากที่เคยปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ โดยราคาผ้าฝ้ายลดลง 20-40% จากเดิมที่ขึ้นไปถึง 60% ราคาโพลิเอสเตอร์ คาดจะปรับลดราคาลงมา 10-20% จากเดิมที่ราคาขึ้นไป 30%


ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-818994

ข่าวรายวัน,สิ่งทอ,เครื่องนุ่งห่ม,การส่งออก,ปี 65,อีเวนต์กีฬา,โอไมครอน,สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย