
ขยายฐานพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย รุกใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าผ้าชุมชน
ดร.วิมลลักษณ์ ชูชาติ ผอ.สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า คณะผู้บริหารสถาบันสิ่งทอได้เข้าพบตน เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอของประเทศไทย โดยทั้ง 2 หน่วยงานให้ความสำคัญกับการนำศิลปะและวัฒนธรรมมาต่อยอดงานสิ่งทอให้มีความร่วมสมัย ซึ่งในส่วน สศร.ได้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นผลสำเร็จ จากการดำเนินงานของพัฒนาบุคลากรในสาขาการออกแบบเครื่องแต่งกายร่วมกับชุมชนในภูมิภาคต่างๆ โดยได้มุ่งเน้นการสร้างนักออกแบบรุ่นใหม่ สนับสนุนนักออกแบบ ศิลปินที่มีชื่อเสียงให้เผยแพร่องค์ความรู้ และสามารถนำความรู้ไปต่อยอด พัฒนาลวดลายผ้า รูปแบบ การตัดเย็บให้ผ้าไทยสามารถเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและเข้าถึงได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงการปรับรูปแบบการใช้ผ้าไทยให้มีการใช้งานที่มากกว่าการเป็นเครื่องนุ่งห่ม ส่งผลให้ชุมชนผู้ผลิตผ้ามีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และขยายผลด้วยการเปิดตลาดการส่งออกต่างประเทศทั่วโลก
ผอ.สศร.กล่าวอีกว่า ขณะที่สถาบันสิ่งทอได้นำเสนอนวัตกรรมและการพัฒนาสิ่งทอที่ได้ดำเนินการอยู่ เช่น การผสมสารป้องกันยุง สารช่วยลดแบคทีเรีย สารป้องกันไฟ ลงในเส้นใยในระบบอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มคุณลักษณะพิเศษและเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งทอ โดยมีระบบทดสอบคุณสมบัติของสิ่งทอในระบบงานอุตสาหกรรม รวมถึงพัฒนาเส้นใยของผ้าในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยให้มีคุณภาพดีขึ้นและมีมาตรฐาน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2564สศร.จะจัดประกวดการตัดเย็บเครื่องแต่งกายร่วมสมัย โดยนำผ้าในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้มาเป็นโจทย์ในการแข่งขัน รวมถึงพัฒนาเครื่องแต่งกายจากผ้าไทยของชุมชนในพื้นที่ 8 จังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง และจะนำดีไซเนอร์จับคู่สร้างสรรค์งานกับชุมชนผู้ผลิตผ้าใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค โดยมุ่งหวังให้ชุมชนได้เรียนรู้และสร้างทักษะในการสร้างสรรค์งาน เพื่อเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการในชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งในการหารือครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก เป็นนิมิตหมายอันดี และมีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะสามารถ ร่วมมือกันในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ.2563-2565)
“สถาบันสิ่งทอยังได้นำผู้ประกอบการในคลัสเตอร์คอสเพลย์มาร่วมหารือ โดยนำเสนอถึงการนำนวัตกรรมใหม่ๆและการใช้ศิลปะในการสร้างสรรค์ผลงานเครื่องแต่งกายที่เกิดจากความชื่นชอบในคาแรกเตอร์ของตัวละคร ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยสศร.รับข้อเสนอแนะมาพิจารณา ทั้งเห็นว่าคอสเพลย์สามารถเป็นสื่อกลางในการส่งต่อวัฒนธรรมไทยให้กับคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติได้ โดยในอนาคตสามารถถอดอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ของวรรณคดี นิทานพื้นบ้าน มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องแต่งกายได้” ดร.วิมลลักษณ์กล่าว.