
อุตสาหกรรมสิ่งทอกับแผนเศรษฐกิจหมุนเวียนของสหภาพยุโรป
คณะกรรมาธิการยุโรปได้เดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเข้มแข็ง โดยผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดเพื่อสร้างเศรษฐกิจแบบยั่งยืนทั้งยุโรป
การดำเนินการ Circular Economy Action Plan เป็นส่วนหนึ่งในโรดแมปของ European Green Deal ระบุถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ ก่อสร้าง บรรจุภัณฑ์ และยานยนต์
จุดมุ่งหมายของคณะกรรมาธิการยุโรป คือ การสร้างเศรษฐกิจแบบยั่งยืนทั้งยุโรป เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันพร้อมทั้งปกป้องสิ่งแวดล้อม และการคุ้มครองผู้บริโภค
แผนใหม่นี้มุ่งเน้นไปที่การออกแบบและการผลิตผลิตภัณฑ์ในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรปสามารถใช้ซ้ำ ซ่อมแซม และรีไซเคิลได้ รวมถึงการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก
สำหรับภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ คณะกรรมาธิการได้เสนอมาตรการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการนำสิ่งทอกลับมาใช้ใหม่ในตลาดสหภาพยุโรป
สิ่งทอเป็นหนึ่งในสี่อันดับอุตสาหกรรมที่มีการใช้วัตถุดิบและน้ำเป็นจำนวนมาก และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ในอันดับที่ห้า กลยุทธ์ใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการบริโภคและโมเดลธุรกิจใหม่
คณะกรรมาธิการ กล่าวว่า พวกเขาจะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมและการตลาดเพื่อค้นหาคอขวดของการหมุนเวียนหรับสิ่งทอเพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมทางการตลาด
“เรามีโลกดวงเดียวเท่านั้น แต่เราใช้ทรัพยากรราวกับว่าเรามีโลกมากถึงสามดวง” นาย Virginijus Sinkevicius คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสิ่งแวดล้อม ทะเล และประมง กล่าว แผนใหม่นี้จะปลูกฝังเศรษฐกิจหมุนเวียนให้อยู่ในชีวิตประจำวันของเราและเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างสมบูรณ์ เรานำเสนอวิธีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างโอกาสทางธุรกิจและตำแหน่งงานใหม่ มีการคุ้มครองผู้บริโภคชาวยุโรปมากขึ้น เกิดการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและดิจิตอล และไม่มีการปล่อยของเสียออกมาสู่ธรรมชาติ
คณะกรรมาธิการได้เสนอมาตรการโดยมีการพัฒนาร่วมกับธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย แต่มาตรการดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกและรวมถึงผ่านมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานขั้นต่ำ (MEPs)
ตามการประกาศ The European Green Deal เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้กำหนดโรดแมปสำหรับเป้าหมายระยะปานกลางด้านภูมิอากาศภายในปี 2593 โดยครอบคลุมการสส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและความยั่งยืน
สำนักงานสิ่งแวดล้อมสหภาพยุโรป (EEB) อธิบายว่า “แผนดังกล่าวเป็นข้อเสนอที่ครอบคลุมที่สุดที่เคยนำมาใช้ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศของผลิตภัณฑ์และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเรา”
ถึงแม้จะมีการตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบทดแทนในระบบเศรษฐกิจภายในปี 2573 แต่ก็ไม่มีการตั้งเป้าหมายในการลดการใช้ทรัพยากรและผลกระทบต่อธรรมชาติ ดังนั้นเป้าหมายในการป้องกันของเสียสำหรับธุรกิจและอุตสาหกรรมก็หายไปเช่นกัน
“การดำเนินการ Circular Economy Action Plan จะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสภาพภูมิอากาศในยุโรป พร้อมหวังจะเป็นต้นแบบขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ” นาย Stephane Arditi ผู้จัดการนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนของ EEB กล่าว ดังนั้นรัฐบาลและสถาบันภายในสหภาพยุโรปจำเป็นต้องออกกฎหมายเพื่อให้เกิดการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรลง”
ประเทศพันธมิตรเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เข้าร่วมแผนปฏิบัติการได้สำรวจของเขตที่สามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย และหารือเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
ในปี 2564 คณะกรรมาธิการวางแผนที่จะปรับปรุงตัวชี้วัดในการติดตามแผนปฏิบัติการที่สะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างการหมุนเวียน ความเป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ และมลภาวะเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการใช้ทรัพยากรและจะมีการพัฒนาฟุตพรินต์ของวัสดุในอนาคต
ที่มา : Just-style: “Textile sector faces 'green' rules under EU circularity plan”, by Michelle Russell, March 11, 2020
เรียบเรียงโดย : อิสเรศ วงศ์เสถียรโสภณ (ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)