TH
Update ตลาดและอุตสาหกรรมเครื่องประดับจีน
เมื่อวันที่ 21 – 22 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมาคณะ GIT ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ The 4th International Jewelry & Diamond Conference (Guangzhou) ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งกวางโจวเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของจีนรองจากเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง โดยเป็นเมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง (Guangdong)นับเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมการผลิตและการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของจีน โดยธุรกิจผลิตอัญมณีและเครื่องประดับส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองนี้โดยเฉพาะในอำเภอพานหยู (Panyu) ซึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตของชาวฮ่องกงมาตั้งโรงงานในอำเภอนี้ จึงมีการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อการส่งออกเป็นจำนวนมากอีกทั้งเมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางการค้าและเจียระไนพลอยสีที่ใหญ่ที่สุดในจีน โดยมีย่านค้าพลอยสีที่สำคัญอยู่ 3 แห่ง คือ Liwan Plaza, Langang Int’l และ Hualin Market ซึ่งมีร้านค้า/บริษัทอยู่ในย่านเหล่านี้กว่า 1,500 ราย
กูรูในวงการอัญมณีและเครื่องประดับจีนต่างเห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง แต่ตลาดอัญมณีและเครื่องประดับจีนยังเติบโตได้จากแรงขับเคลื่อนของกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อมากกว่า 300 ล้านคน นอกจากชาวจีนจะนิยมซื้อหยกและเครื่องประดับทองแล้ว ยังมีความต้องการเครื่องประดับตกแต่งเพชรและพลอยสีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยรวมถึงชาวจีนยังนิยมสินค้าแบรนด์จากต่างประเทศมากกว่าแบรนด์ในประเทศ และมีแนวโน้มที่จะซื้อเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ผู้ประกอบการจีนให้ความสำคัญในการผลิตเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้ามากขึ้น อาทิ การนำเทคโนโลยี CNCและ 3D printing มาใช้ในการผลิตซึ่งทำให้เครื่องประดับมีดีไซน์หลากหลาย หรือผลิตสินค้าที่เป็น Customize ซึ่งเป็นการผลิตตามความต้องการของลูกค้า หรือบางบริษัทอย่างMover Culture ซึ่งผลิตเครื่องประดับประเภท IP คือ การซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนหรือภาพยนตร์ดัง แล้วนำจุดเด่นหรือส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็น Character ของตัวการ์ตูนหรือตัวนักแสดงในภาพยนตร์มาผลิตเป็นเครื่องประดับในรูปแบบต่างๆซึ่งได้กระแสการตอบรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี
ซ้าย : เครื่องประดับที่มาจากภาพยนตร์ Spiderman
ขวา : เครื่องประดับที่มาจากภาพยนตร์ Captain America
ชาวจีนกว่า 80% ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น แต่ที่น่าสนใจคือ รูปแบบการซื้อขายกำลังจะเปลี่ยนไป การซื้อขายผ่านเว็บไซต์ E-Market Place แบบเดิมอาจลดความสำคัญลง เพราะชาวจีนเริ่มนิยมซื้อสินค้าแบบ Live สดกันมากขึ้น และมีแนวโน้มว่าการขายเครื่องประดับด้วยการ Liveสดจะมีมากขึ้นในอนาคต Taobao เห็นโอกาสนี้จึงได้พัฒนาฟังก์ชั่น Live Stream ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และได้รับคำสั่งซื้อกว่า 3.3 ล้านครั้งซึ่งเป็นการซื้อขายเครื่องประดับกว่า 50% ของการซื้อขายสินค้าทั้งหมด ทำให้เครื่องประดับขยับขึ้นมาเป็นสินค้าที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของเว็บไซต์ ส่วนการขายอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังเริ่มนิยมก็คือ การขายสินค้าด้วยการสร้างเรื่องราวผ่านคลิปวีดีโอสั้นๆ ทำให้คนติดตาม สามารถทำรายได้ให้บางบริษัทถึง 100 ล้านหยวนปัจจุบันผู้ขายบนเว็บไซต์อาลีบาบาได้เริ่มขายสินค้าด้วยคลิปวิดีโอสั้นๆ เพิ่มมากขึ้น นับเป็นช่องทางการขายใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ค้าขายในตลาดจีน
ส่วนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจีนพัฒนาขึ้นเรื่อยๆสมาคมที่เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับจับมือกันอย่างเหนียวแน่นในการร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรม มีการบูรณการร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสถาบันการศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนที่ต่างออกหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ปัจจัยเหล่านี้น่าจะทำให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ดังนั้น ไทยจึงอาจดูรูปแบบของจีนแล้วนำมาปรับในส่วนที่เป็นจุดอ่อนเพื่อเสริมความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
ทางด้านการตลาดนั้น จีนเป็นผู้บริโภคอัญมณีและเครื่องประดับรายใหญ่ของโลก แม้ว่าจะสามารถผลิตเครื่องประดับได้เองในประเทศ แต่ชาวจีนชื่นชอบสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมากกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศโดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม อีกทั้งจีนยังพึ่งพาการนำเข้าอัญมณีต่าง ๆ จากไทยอยู่และกระแส “ความนิยมไทย” ที่มีอยู่มากในจีน ดังนั้น จีนจึงเป็นตลาดสำคัญที่ไทยมีโอกาสขยายฐานการค้าด้วยจีนมีเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการค้ากว่า 240 ล้านคน โดยเฉพาะผ่านเว็บไซต์ Taobao ฉะนั้น ผู้ประกอบการไทยรายที่ไม่มีข้อจำกัดด้านภาษาจีนจึงควรหาทางใช้ประโยชน์ทางการค้าจากช่องทางนี้นอกจากวางขายสินค้าปกติแล้ว อาจพิจารณาสมัครใช้ฟังก์ชั่น Live Stream ซึ่งปัจจุบันยังมีสมาชิกไม่มากและค่าธรรมเนียมไม่แพง แต่กลับมีโอกาสทำยอดขายได้สูงมากซึ่งหากไทยไม่รีบคว้าโอกาสในช่วงนี้แล้ว ก็อาจจะไม่มีโอกาสเข้ามาอีกเลย
ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
*** กรุณาอ้างอิง “ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)” ทุกครั้ง เมื่อนำบทความนี้ไปเผยแพร่ต่อ
