หน้าแรก / THTI Insight / ข่าวรายวัน / ถวายแล้วไม่บาป! “ติณณ์” รองเท้าพระสงฆ์ถูกหลักพระวินัย ธุรกิจเพิ่มรายได้จาก รง.ชิ้นส่วนรถยนต์

ถวายแล้วไม่บาป! “ติณณ์” รองเท้าพระสงฆ์ถูกหลักพระวินัย ธุรกิจเพิ่มรายได้จาก รง.ชิ้นส่วนรถยนต์

กลับหน้าหลัก
09.10.2562 | จำนวนผู้เข้าชม 1030

ถวายแล้วไม่บาป! “ติณณ์” รองเท้าพระสงฆ์ถูกหลักพระวินัย ธุรกิจเพิ่มรายได้จาก รง.ชิ้นส่วนรถยนต์

เมื่อวิ่งตามกระแสของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่กำลังบูม ทำให้ผู้ที่คลุกคลีกับสวนยางตัดสินใจมาขุดทองบนเส้นทางธุรกิจ อาศัยการเรียนมาทางด้านวิศวเครื่องกล งานไฟฟ้า พร้อมชักชวนเพื่อนระดับผู้บริหารภาคการผลิตของบริษัทชั้นนำของไทยมาร่วมหุ้น แต่สุดท้ายก็ฝืนคำว่า ‘ประสบการณ์’ ไม่พ้น

เพราะทุกคนไม่เคยลงมือทำมาก่อนอาศัยเพียงการบริหารจึงไม่สามารถพาธุรกิจให้รอดพ้นสงครามการแข่งขันได้ จึงขอเดินตามนโยบายของรัฐบาลที่พูดกรอกหูอยู่ตลอดว่าชาวสวนยางต้องแปรรูปยางเป็นผลิตภัณฑ์ และเขาก็ทำสำเร็จเป็น “รองเท้าแตะสำหรับพระสงฆ์” เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย


คำว่า ‘ประสบการณ์’ และ ‘ลงมือทำ’ สำคัญจริงๆ กับการเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง บทเรียนราคาแพงสำหรับ “ภูมิพัฒน์ ทรัพย์สมบูรณ์” อดีตเกษตรกรชาวสวนยาง ส่งวัตถุดิบยางพาราป้อนโรงงาน แต่ด้วยราคาที่ได้รับอย่างไม่เป็นธรรม จึงหาวิธีแปรรูปน้ำยางพาราด้วยการนำขี้ยางมาทำความสะอาด นำไปอบและอัดแท่ง ได้กำไรดีมาก กำไรกิโลกรัมละ 10 บาท ก็คิดว่าเดินมาถูกทาง แต่ทุกอย่างล้วนมีคู่แข่งและตัดวงจรธุรกิจตัวเองด้วยการนำยางไร้คุณภาพมาอัดแท่ง ทำให้เสียวงจรของยางอัดแท่งสิ่งที่ตามมาคือราคาลดฮวบเหลือแค่ 2 บ./กก. จึงคิดว่าธุรกิจนี้ไปต่อไม่ไหวแล้ว


กระทั่งเพื่อนแนะนำให้แปรรูปยางเป็นชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น ยางกันกระแทก ยางรองแหนบ โดยวางตำแหน่งเป็นผู้รับจ้างผลิต แต่วุดท้ายธุรกิจก็ล้มครืนอีกครั้ง เพราะทุกคนไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ และไม่เคยลงมือทำอย่างจริงจังมาก่อน ประสบภาวะขาดทุนเป็นเงินหลักล้านเพียงแค่ปีกว่า เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน 2 คนถอนตัว เหลือเพียงนายภูมิพัฒน์ เพียงลำพังที่ต้องสู้ต่อ เขาเลือกปรับแผนการรับงานใหม่ เลือกแต่ชิ้นงานที่ได้กำไร และใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรที่มีอยู่ในเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการหาผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาผลิตเป็นแบรนด์ของตัวเองเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง


“เมื่อเราเริ่มปรับเปลี่ยนระบบการทำงานใหม่ ปรับจากประสบการณ์ที่เจอมาก็เริ่มมีกำไร จากขาดทุนเดือนละ 7 หมื่นบาท แค่ภายใน 2 เดือนก็เริ่มเห็นกำไร จึงคิดว่าเดินมาถูกทาง แต่ผมก็ยังคิดที่จะต่อยอดทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก ให้เป็นสินค้าที่มีแบรนด์ของตนเอง ตามนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนให้ชาวสวนบางคิดแปรรูปยางพาราเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งตรงกับแนวคิดของผมพอดี โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องเงินทุน และนักวิชาการที่คอยให้คำปรึกษา จึงลองคิดทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางพารา”

และแล้วคำว่า “รองเท้าแตะ” ก็ผุดขึ้นมาให้หัวสมอง แต่ด้วยมีหลายแบรนด์และเจ้าใหญ่หลายรายในตลาด จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะลงไปเล่นในสนามนี้ ดังนั้น ‘ความแตกต่าง’ จึงเป็นสิ่งไม่ควรมองข้าม


“เมื่อผมคิดจะทำรองเท้าแตะ โจทย์มากมายก็ผุดขึ้นในหัว ทั้งจำนวนคู่แข่งที่มีเป็นจำนวนมากในตลาด รวมถึงการไหลทะลักรองเท้าแตะจากจีน ดังนั้นโอกาสจะทำกำไรจากรองเท้าแตะทั่วไปจึงเป็นเรื่องยาก ทำให้นึกถึงรองเท้าพระสงฆ์ ที่เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม ไม่ต้องผลิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรงกับกำลังของเครื่องจักรที่เราคิดจะหาผลิตภัณฑ์อื่นทำเพิ่มเติมจากอะไหล่รถยนต์ หวังให้เป็นรายได้ ฉะนั้นกำลังหารผลิตที่ไม่มากเกินไปจึงเหมาะสม และรองเท้าพระสงฆ์ก็ตอบโจทย์”


แต่เมื่อเขาได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าพระสงฆ์ ก็พบรายละเอียดที่ไม่เคยรู้มาก่อน จากว่ารองเท้าพระสงฆ์ต้องมีข้อกำหนดต่างๆ เพื่อไม่ให้ขัดต่อพระวินัยสงฆ์ ได้แก่ รองเท้าต้องมีชั้นเดียว ห้ามสวมรองเท้าสีล้วน เช่น สีดำ ห้ามสวมรองเท้าหูสี เช่น เขียว เหลือง แดง ห้ามสวมรองเท้าหุ้มส้น หรือปกหลังเท้า และห้ามสวมรองเท้าขลิบหนังต่างๆ ดังนั้นขั้นตอนการผลิตจึงค่อนข้างพิถีพิถันและใส่ใจเป็นพิเศษ ภายใต้แบรนด์ “ติณณ์” ถอดความได้ว่า “ผู้ข้ามพ้นความทุกข์”


รองเท้าแตะสำหรับพระสงฆ์ “ติณณ์” ผลิตจากยางพาราแท้ สวมใส่นุ่มสบายเท้า โดนน้ำไม่ลื่น ทนทาน สวมใส่ได้ยาวนาน และที่สำคัญ ติณณ์ ยังเป็นรองเท้าที่ออกแบบตามข้อกำหนดพระวินัย จำนวนชั้นรองเท้าชั้นเดียว สีของรองเท้าเป็นสีกลัดไม้ และสีแข่นขนุน และต้องเป็นรองเท้าหูหนีบเท่านั้น ดังนั้นติณณ์ จึงเป็นรองเท้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อพระสงฆ์โดยเฉพาะอย่างตั้งใจ

ถือว่าเมื่อนายภูมิพัฒน์ ตัดสินใจทำรองเท้าสำหรับพระสงฆ์ ก็ได้รับการตอบดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพระสงฆ์ และผู้ที่ซื้อไปถวายพระ เป็นการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ สนนราคาอยู่ที่คู่ละ 250 บาท พร้อมถุงผ้าสปันด์สำหรับใส่รองเท้าเหมาะสำหรับให้พระสงฆ์พกพาได้สะดวก


และด้วยคุณภาพของรองเท้ายางพารา ที่ผู้ซื้อไปถวายพระสงฆ์เห็นถึงความพิถีพิถันในขั้นตอนการผลิต จึงต้องการจะสวมใส่บ้าง เขาจึงต่อยอดสู่การผลิตรองเท้าแตะสำหรับคนทั่วไป ยังคงเน้นผลิตจากยางพาราแท้ 100% ไม่ลื่น ยึดเกาะพื้นได้ดีมาก เหมาะแก่การสวมใส่ ทนทาน ไม่ขาดง่ายเนื่องจากเป็นยางชิ้นเดียวกัน มีทั้งแบบหูหนีบ และแบบหูไขว้ ให้ผู้ใช้งานเลือกได้ตามต้องการ ขายในราคาคู่ละ 240-260 บาท โดยกำลังการผลิตอยู่ที่ 200 คู่/วัน จากการใช้เวลาผลิตเกือบ 10 นาที/คู่


แผนต่อไปเขาเตรียมออกแบบรองเท้าสำหรับในที่ร่ม ไม่ว่าจะเป็น รองเท้าใส่ในบ้าน โรงพยาบาล สปา จากคุณสมบัติในเรื่องการยึดเกาะพื้นได้ดีซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของรองเท้าจากยางพาราไทย แถมยังสามารถต่อยอดเป็นรองเท้าสำหรับผู้สูงอายุ เพิ่มยางกันลื่น วัสดุเรืองแสง และออกแบบให้มีน้ำหนักเบากว่านี้ได้ เน้นความปลอดภัยที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก แถมยังเป็นรองเท้าสำหรับพระสงฆ์ที่ได้มาตรฐาน มอก.เจ้าแรกในไทย


ที่มา : https://mgronline.com/smes/detail/9620000096779

ข่าวรายวัน, รองเท้า, ติณณ์, ชิ้นส่วนรถยนต์, ยาง, ยางพารา