
รัฐบาลจีนเตรียมที่จะลดอัตราอากรขาเข้าสินค้าหลายประเภท รวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อให้ประชาชนจีนซื้อสินค้าในประเทศมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ แต่มาตรการนี้จะกระทบประเทศที่มีรายได้หลักจากนักท่องเที่ยวจีน
คณะมุขมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Office of the State Council of the People's Republic of China) แถลงในเอกสารเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ทางการจะลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับสินค้าอุปโภคบางรายการจะลดลง ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2558 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพิ่มการบริโภคในประเทศ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า เป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคในประเทศจีนและเร่งการแข่งขันด้านอุตสาหกรรรม และเพื่อให้นักท่องเที่ยวในประเทศเข้าถึงสินค้าปลอดอากรมากขึ้น รัฐบาลจีนจะเพิ่มจำนวนร้านค้าปลอดอากรตามแนวชายแดน โดยมีประเภทสินค้าที่หลากหลายขึ้น พร้อมกับการเพิ่มวงเงินในการซื้อสินค้า
เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จีนให้ข้อมูลว่าการลดภาษีดังกล่าวจะเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศได้ร้อยละ 0.5-1 และลดการเกินดุลการค้า ช่วยให้เศรษฐกิจมีความสมดุลมากขึ้น
ปัจจุบันภาษีซึ่งรวมถึงอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าอุปโภคและสินค้าฟุ่มเฟือยอยู่ระหว่างร้อยละ 20 ถึง 70 ทำให้สินค้าในแผ่นดินใหญ่มีราคาสูงกว่าฮ่องกง นักวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดจีน ให้ความเห็นว่า ถึงแม้การซื้อสินค้านำเข้าในประเทศง่ายขึ้น แต่ยังต้องคำนึงถึงเหตุผลอีกหลายด้านที่คนจีนมักซื้อสินค้าในต่างประเทศ เช่นความเชื่อถือในผู้จำหน่ายที่ทำให้มั่นใจว่าเป็นของแท้ รวมถึงประสบการณ์ที่ได้จากการท่องเที่ยวและซื้อสินค้าในต่างประเทศ
RTG Consulting วิเคราะห์ว่าการลดภาษีครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้บริโภคจีนและเจ้าของแบรนด์ ราคาสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลกจะใกล้เคียงกัน ลดการขายสินค้าในตลาดมืด และดึงดูดให้แบรนด์ต่างๆที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าจีนมีการลงทุนในประเทศจีนมากขึ้น แต่การดำเนินการครั้งนี้จะกระทบกับประเทศที่พึ่งพิงการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน (เช่น ฮ่องกง) และผู้เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวจะต้องหาทางขยายฐานนักท่องเที่ยวไปยังกลุ่มใหม่เพื่อลดผลกระทบ
ผู้ประกอบการไทยควรหาช่องทางการเข้าสู่ตลาดจีน โดยเฉพาะสินค้าที่มีแบรนด์ของตนเองและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจีนอยู่แล้ว โอกาสครั้งนี้จะช่วยให้สามารถขยายฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และยังเติบโตได้อีกมาก
แหล่งข้อมูล Global Tax News, International Business Time, WWD.
เรียบเรียงโดย ประดิษฐ์ รัตนวิจิตราศิลป์