DITP นำผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นไทย 44 ราย ลุยเจรจาการค้าที่นครโอซากา

กลับหน้าหลัก

DITP นำผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นไทย 44 ราย ลุยเจรจาการค้าที่นครโอซากา

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) นำผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นไทย 44 ราย ลุยเจรจาการค้าที่นครโอซากา ญี่ปุ่น 7–11 กรกฎาคมนี้ มั่นใจช่วยสร้างโอกาสในการค้าขายและผลักดันสินค้าแฟชั่นไทยเจาะเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์

เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีกำหนดจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าแฟชั่นไปเจรจาการค้า ณ อาคารแสดงสินค้า Osaka Merchandise Mart (OMM) ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 7 – 11 กรกฎาคม 2562 โดยจะนำผู้ประกอบการจำนวน 44 ราย แยกเป็นผู้ประกอบการสินค้าประเภท Textile จำนวน 14 ราย ผู้ประกอบการสินค้าประเภท Garment จำนวน 14 ราย และผู้ประกอบการสินค้าประเภท Accessories จำนวน 16 ราย เพื่อขยายโอกาสสินค้าของผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น

“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมั่นใจว่า ในการนำคณะผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถหาลู่ทางขยายธุรกิจ มีโอกาสได้พบปะหารือกับบริษัทที่เป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและศึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าได้ และทำให้สินค้าแฟชั่นไทย ทั้งผืนผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง รองเท้า และเครื่องประดับ เข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น”

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ช่วยนัดหมายให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะเจรจาธุรกิจในครั้งนี้ประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายจัดซื้อ ตัวแทนจำหน่าย ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจค้าปลีก และ Trading Firm เป็นต้น

ทั้งนี้ ในปี 2561 ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดกิจกรรมจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าแฟชั่นไปเจรจาการค้า ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว เมื่อวันที่ 9 – 12 กรกฎาคม 2561 มีผู้ประกอบการสินค้าแฟชั่นและสินค้า OTOP เข้าร่วมเจรจาการค้าจำนวนรวมทั้งสิ้น 54 บริษัท แบ่งเป็นสินค้าผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องหนัง รองเท้า และ OTOP มีผู้ซื้อ ผู้นำเข้าญี่ปุ่นเข้าร่วมเจรจาการค้ารวมทั้งสิ้น 345 ราย และมีผลการสั่งซื้อทันทีมูลค่า 217,118 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,622,084 บาท และคาดการณ์สั่งซื้อภายใน 1 ปี มูลค่า 5,037,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 153,643,750 บาท

ที่มา : https://mgronline.com/business/detail/9620000065147