หน้าแรก / THTI Insight / ความเคลื่อนไหวอุตสาหกรรม / การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯลดลงในเดือนมีนาคมเนื่องจากการส่งออกสินค้าจากจีนลดลง

การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯลดลงในเดือนมีนาคมเนื่องจากการส่งออกสินค้าจากจีนลดลง

กลับหน้าหลัก
22.05.2562 | จำนวนผู้เข้าชม 723

การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯลดลงในเดือนมีนาคมเนื่องจากการส่งออกสินค้าจากจีนลดลง

ปริมาณการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม สาเหตุหลักมาจากการส่งออกของจีนที่มีการปรับตัวลดลง รวมถึงการกลับมาทำงานของโรงงานหลังจากหยุดยาวในช่วงวันปีใหม่จีน และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

ตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานการค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม (OTEXA) แสดงให้เห็นว่าปริมาณการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯในเดือนมีนาคมลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา โดยมีปริมาณ 1.93 พันล้าน Square Meter Equivalent;SME และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 5.5 แต่ปรับตัวในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.3 โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 6.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ประเทศผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มจำนวน 7 ประเทศ มีปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยบังกลาเทศมีอัตราการเติบโตสูงสุด แต่สำหรับประเทศจีนที่เป็นผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มรายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ การส่งออกเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ 13.29 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 477 ล้าน SME และเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลดลงร้อยละ 47 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 907 ล้าน SME

เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับสอง การส่งออกเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 289 ล้าน SME แต่มีการปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ที่มีปริมาณการส่งออก 334 ล้าน SME

บังกลาเทศเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับสาม การส่งออกเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.31 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 195 ล้าน SME

อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับสี่ แต่มีการเติบโตเป็นอันดับสอง ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.51 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 116 ล้าน SME และอินเดียที่มีปริมาณการส่งออกเติบโตสูงที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.61 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 115 ล้าน SME ในเดือนมีนาคม

การส่งออกจากปากีสถานไปยังสหรัฐฯมีปริมาณ 50 ล้าน SME ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.52 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา รวมถึงกัมพูชาและฮอนดูรัสที่ส่งออกเครื่องนุ่งห่มในปริมาณที่น้อย การส่งออกยังคงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.46, 7.22 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 82, 87 ล้าน SME

ในขณะที่เม็กซิโกและเอลซัลวาดอร์เป็นประเทศที่การส่งออกมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 4.43, 3.84 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 75, 66ล้าน SME ตามลำดับ

ภาพรวมการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 ในเชิงปริมาณ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณ 4.8 พันล้าน SME และปรับตัวในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 5 โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 8.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากแยกเฉพาะผลิตภัณฑ์สิ่งทอ การนำเข้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.93 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 2.86 พันล้าน SME และปรับตัวในเชิงมูลค่าลดลง คิดเป็นร้อยละ 3.9 โดยมีมูลค่าทั้งสิ้น 1.97 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ภาพรวมการนำเข้าสะสม 3 เดือน

มูลค่าการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีเท่ากับ 26.8 พันล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.92 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 16.4 พันล้าน SME เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา

การนำเข้าช่วงไตรมาสแรกของปีแยกตามรายผลิตภัณฑ์ สิ่งทอปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.52 หรือคิดเป็นมูลค่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.83 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 9.62 พันล้าน SME และเครื่องนุ่งห่มมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.06 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นมูลค่า 14.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.61 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 6.81 พันล้าน SME

ประเทศผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มจำนวน 6 ประเทศมีการเติบโตในช่วงสามเดือนแรกของปีโดยเวียดนามมีการเติบโตสูงที่สุดที่ร้อยละ 12.75 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 1 พันล้าน SME

บังกลาเทศเป็นประเทศที่มีกำไรสูงสุดเป็นอันดับสอง ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.85 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 571 ล้าน SME ขณะที่การนำเข้าจากจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.85 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 2.5 พันล้าน SME ส่งผลให้จีนยังคงเป็นผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มอันดับหนึ่งของสหรัฐฯถือครองส่วนแบ่งตลาดนำเข้าไว้ร้อยละ 42

ในขณะที่อินเดียเป็นประเทศที่มีการเติบโตสูงเป็นอันดับสามโดยการส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 325 ล้าน SME ถัดมาคือปากีสถานปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.72 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 143 ล้าน SME และอินโดนีเซียการส่งออกเครื่องนุ่งห่มปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.49 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 335 ล้าน SME

ในขณะที่เม็กซิโกการส่งออกเครื่องนุ่งห่มมีการปรับตัวลดลงร้อยละ 3.93 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 205 ล้าน SME รองลงมาคือกัมพูชาปรับตัวลดลงร้อยละ 3.86 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 253 ล้าน SME การนำเข้าเครื่องนุ่งห่มจากฮอนดูรัสในช่วงไตรมาสที่ 1 ปรับตัวลดลงร้อยละ 1.07 ในเชิงปริมาณ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีปริมาณ 222 ล้าน SME และการนำเข้าจากเอลซัลวาดอร์ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.68 ในเชิงปริมาณ โดยมีปริมาณ 174 ล้าน SME

Facts behind the figures

ในเดือนมีนาคมปริมาณการนำเข้าเครื่องนุ่งห่มของสหรัฐฯปรับตัวลดลงเนื่องจากการส่งออกของจีนที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 47 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาและร้อยละ 13.29 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการหยุดงานของโรงงานในช่วงปีใหม่จีน ประกอบกับผู้ค้าปลีกและผู้นำเข้าของสหรัฐฯมีการเปลี่ยนแปลงผู้ผลิตท่ามกลางข่าวการเก็บภาษีอัตราใหม่ของจีน

ในปี 2561 จีนยังคงเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯโดยถือครองส่วนแบ่งตลาดไว้ร้อยละ 41.92 ถึงแม้ว่าการส่งออกของจีนมีการปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม โดยมีปริมาณ 1.465 พันล้าน SME รองลงมาเป็นเวียดนามที่เป็นผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มเป็นอันดับสอง

ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐฯและจีนอยู่ในระหว่างการเจรจาทางการค้า แบรนด์และผู้ค้าปลีกเริ่มมองหาผู้ผลิตรายอื่นเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผลกระทบที่จะเกิดต่อธุรกิจ โดยทางสหรัฐฯประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เช่น สิ่งทอ กระเป๋า เส้นด้าย และเครื่องหนัง จากเดิมร้อยละ 10 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 และได้เปิดเผยรายการสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดรวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ ที่จะถูกเก็บภาษีศุลกากรร้อยละ 25 จากอัตราภาษีปกติ มูลค่ารวม 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มของบังกลาเทศส่วนมากเป็นการใช้แรงงานที่มีราคาถูก ตั้งแต่การถล่มของตึก Rana Plaza ในเดือนเมษายน 2556 มีแผนเยียวยาที่ได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมสองแผนพร้อมด้วยแผนการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยและสิทธิแรงงาน รวมถึงการปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าบางแห่ง

องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ว่าบังกลาเทศจะสามารถก้าวข้ามจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนากลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วได้ภายในปี 2567 จากการส่งออกสินค้าแบบปลอดภาษีไปยังสหภาพยุโรป แคนาดา และญี่ปุ่น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ GDP เติบโตประมาณร้อยละ 6.8 และในปี 2561 เติบโตร้อยละ 7.9 สาเหตุหลักมาจากภาคเสื้อผ้าสำเร็จรูป การเติบโตดังกล่าวส่งผลให้ระดับความยากจนลดลง อัตราเงินเฟ้อมีเสถียรภาพ หนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่เหมาะสม และความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นจากปัจจัยภายนอก แต่องค์การการค้าโลกยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลทำการปฏิรูปเพื่อให้ได้รับประโยชน์และโอกาสทางการค้ามากขึ้น  

ในการประชุม Fashionology Summit ที่จัดขึ้นในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ กลุ่มผู้ผลิตเสื้อผ้ากล่าวว่าพวกเขาต้องยกเลิกรูปแบบการผลิตที่เน้นจำนวนมากและหันมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของบังกลาเทศสามารถแข่งขันได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมทั่วโลก

ที่มา : Just-style: “US apparel imports fall in March on lower Chinese shipments”, by Hannah Abdulla, May 14, 2019

เรียบเรียงโดย : อิสเรศ วงศ์เสถียรโสภณ (ศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ)

ภาวะเศรษฐกิจสิ่งทอ,เครื่องนุ่งห่ม,สหรัฐฯ,จีน,สงครามการค้า,การนำเข้า,เดือนมีนาคม