ฉลากที่มอบให้กับเสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี ทำให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนอบอ้าว สามารถสวมใส่ในอาคารหรือห้องที่มีอุณภูมิเครื่องปรับอากาศ 25๐c ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด
ฉลาก CoolMode
ฉลากคูลโหมด เกิดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ กับ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำให้อยู่ในห้องที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 25°C ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด คุณสมบัติพิเศษของเสื้อ CoolMode ได้แก่ คุณลักษณะด้านความปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพราะไม่ใช้สารเคมีที่เป็นสารก่อมะเร็ง คุณลักษณะด้านคุณภาพด้านความคงทนของสีและมีความแข็งแรง และคุณลักษณะลดความร้อนที่สามารถดูดซับเหงื่อ สัมผัสแล้วเย็น และถ่ายเทความร้อนได้ดี ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์คูลโหมดได้ถูกบรรจุเข้าสู่รายการสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ หรือ การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (Green Procurement) และเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ประสิทธิภาพเสื้อเบอร์ 5 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ค่าสมัครขึ้นทะเบียน 3,500 บาท/โครงสร้าง
ค่าตรวจติดตาม 8,500 บาท/โครงสร้าง
การใช้เครื่องหมายมีอายุ 3 ปี
ผ้า CoolMode
คูลโหมด เป็นฉลากที่มอบให้กับเสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี ทำให้สวมใส่สบาย ไม่ร้อนอบอ้าว สามารถสวมใส่ในอาคารหรือห้องที่มีอุณภูมิเครื่องปรับอากาศ 25 ๐C ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บเป็นผ้า มีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษในการซับเหงื่อจากผิวหนังและระเหยออก จึงช่วยเพิ่มความสบายและความเย็นในขณะสวมใส่ เสื้อผ้า Cool-Mode จึงช่วยรองรับการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการมีส่วนช่วยลดการใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การทดสอบคุณสมบัติของผ้า Cool-mode ประกอบด้วย 3 หัวข้อคือ
ความปลอดภัย, คุณภาพและความคงทน, การลดความร้อน
1. ความปลอดภัย
รายการที่ |
คุณลักษณะ |
หน่วย |
เกณฑ์ที่กำหนด |
วิธีทดสอบ |
|
เสื้อผ้าเด็กอ่อน(1) |
ชุดทำงานในสำนักงาน เสื้อผ้าทั่วไป,ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน |
||||
1 |
ปริมาณฟอร์มาลดีไฮด์น้อยกว่า |
mg/kg |
20 |
75 |
ISO 14184 Part1 |
2
|
อนุภาคโลหะหนัก หน้อกว่า - ตะกั่ว - แคดเมี่ยม - โครเมี่ยม (VI) - ทองแดง |
mg/kg |
0.2 0.1 1.0 0.5 25.0 |
1.0 0.1 2.0 0.5 50.0 |
สกัดด้วยสารละลายเหงื่อตาม ISO 150-E04 Test Solution II ที่ 40oC เวลา 1 ชม.จึงมาวัดค่าด้วย Absorption Spectrometer (ICP) สำหรับตะกั่ว แคดเมี่ยม โครเมี่ยม ทั้งหมดและทองแดง ส่วน โครเมี่ยม(VI) วัดด้วย UV-VIS Spectrophotometer |
3 |
สีเอโซ (azo dye) ที่ให้แอโรมาติก เอมีน (aromatic amine)* ไม่เกิน |
mg/kg |
30 |
30 |
EN 14362 part 1 |
หมายเหตุ (1) เสื้อผ้าเด็กอ่อน หมายถึง เด็กที่อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 24 เดือน * หมายถึง แอโรมาติกแอมีน 24 ตัว |
2. คุณภาพและความคงทน
รายการที่ |
คุณลักษณะ |
หน่วย |
เกณฑ์ที่กำหนด |
วิธีทดสอบ |
||
เสื้อผ้าเด็กอ่อน(1) |
ชุดทำงานในสำนักงาน เสื้อผ้าทั่วไป, |
ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน |
||||
1 |
ความต้านแรงดึงขาด(แบบแกรบ)(เฉพาะผ้าทอไม่น้อยกว่า |
นิวตั้น (N) |
- |
111 |
250 200 |
ISO 13934-2 |
2
|
ความต้านทานแรงดันทะลุ (เฉพาะผ้าถัก)ไม่น้อยกว่า |
กิโลปาสคาล (kPa) |
- |
580 |
- |
ISO 13938-1 |
3 |
การเปลี่ยนขนาดหลังการซัก 5 ครั้ง ในแต่ละแนว ไม่เกิน |
ร้อยละ |
+- 5 +- 8 |
-5,+3 -7,+5 |
-5 (แนวด้านยืน) -3 (แนวด้านพุ่ง) -6 (แนวด้านยืน) -6 (แนวด้านพุ่ง) |
ISO 3759 ISO 5077 ISO 6330 |
4 |
ความคงทนของสีต่อการซักไม่น้อยกว่า -การเปลี่ยนสี - การเปื้อนสี |
ระดับ |
4 4 |
|
4 3-4 |
ISO 105-C06 |
5 |
ความคงทนของสีต่อแสง (แสงซีนอนอาร์ก)เมื่อเทียบกับผ้าบลูวูลมาตรฐาน ไม่น้อยกว่า |
ระดับ |
- |
4 |
4 |
ISO 105-B02 |
6 |
ความคงทนต่อสีต่อน้ำลายหรือเหงื่อไม่น้อยกว่า -การเปลี่ยนสี - การเปื้อนสี |
เกรย์สเกลระดับ |
4 4 |
- - |
- - |
DIN 53160 |
3. การลดความร้อน
ต้องผ่านเกณฑ์อย่างน้อย 2 ใน 3 รายการ โดยต้องผ่านเกณฑ์รายการที่ 1 Q-max เป็นหลัก
รายการที่ |
คุณลักษณะ |
หน่วย |
เกณฑ์ที่กำหนด |
วีธีทดสอบ |
1 |
Touch feeling of warm or cool, Q-max |
(W/cm2) |
Min 0.14 W/cm2 |
KES-F7 ThERMO Labo II |
2 |
การดูดซึมน้ำ (absorbency) |
วินาที |
ไม่เกิน 5 วินาที (ผ้าทอ) ไม่เกิน 2 วินาที (ผ้าถัก) |
AATCC 79 |
3 |
การดูดน้ำ (Wicking) |
มิลลิเมตร |
มากกว่า 50 มิลลิเมตร |
JIS L 1907-1994 (Byreck) |
หมายเหตุ : การดูดซึมน้ำ (absorbency) เป็นการวัดเวลาที่หยดน้ำซึมลงไปในผ้าที่วางในแนวระนาบ การดูดน้ำ (Wicking) เป็นระยะทางที่น้ำซึมขึ้นมาบนผ้าตามแนวดิ่งในเวลา 10 นาที |
การตกแต่งสำเร็จผ้าให้เกิดฟังชั่นต่างของคลูโหมด (Cool made)
1. การตกแต่งให้ผ้าซึมน้ำได้ดี
1.1 กระบวนการเตรียมผ้าก่อนย้อมที่มีคุณภาพ ทั้งเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์ โดยวัตถุประสงค์หลักของกระบวนการเตรียมผ้าก่อนย้อมคือ การกำจัดสิ่งสกปรกต่างๆ สีหรือสารเคมีที่ตกค้างออกจากผืนผ้า กระบวนการเตรียมผ้าก่อนย้อมที่สมบูรณ์นั้น จะทำให้เส้นใยผ้ามีการดูดซึมน้ำได้ดีมากขึ้นโดยเฉพาะการทำกระบวนการเมอร์เซอร์ไรซ์และกระบวนการคอสติกไซซ์ (Mercerized and Causticization)
กระบวนการ Mercerized เป็นกระบวนการที่เส้นด้ายหรือผืนผ้าฝ้ายวิ่งผ่านสารเคมีโซดาไฟที่ความเข้มข้น 28-32 oBe, โดยมีแรงดึง ที่อุณหภูมิ 20oC ห้อง เป็นเวลา 30 วินาที (ถ้าใช้อุณหภูมิมากกว่านี้จะต้องลดปริมาณความเข้มข้นของโซดาไฟลง) ในกระบวนการนี้เส้นด้ายฝ้ายและผ้าฝ้ายจะมีความเงามันมากขึ้น การดูดซึมน้ำและสารเคมีได้ดีมากยิ่งขึ้น และสามารถทนต่อการยับได้ดีมาก
กระบวนการ Causticization เป็นกระบวนการที่ผืนผ้าฝ้ายวิ่งผ่านสารเคมี โซดาไฟที่ความเข้มข้น 18-22oBe, โดนปราศจากแรงดึง (ผ้าจะหดตัวประมาณ 20-25%) ที่อุณหภูมิ 20oC ห้องเป็นเวลา 30 วินาที (ถ้าใช้อุณหภูมิมากกว่านี้จะต้องลดปริมาณความเข้มข้นของโซดาไฟลง) จะได้ผ้าฝ้ายที่มีความเงามันน้อยลง หดตัวมากขึ้นและมีความคงทนต่อการฉีกขาดเพิ่มขึ้นความสามารถในการดูดซึมน้ำ, สีและสารเคมีต่างๆ ดีขึ้น
ส่วนกระบวนการ Mercerized บนผ้าเรยอนจะใช้โซดาไฟที่ความเข้มข้นเพียง 2-8 oBe, โดยจะทำให้ เส้นใยอ่อนนุ่มขึ้นแต่คุณสมบัติในการดูดซึมน้ำไม่ได้ดีขึ้นมากนัก
1.2 การตกแต่งให้ผ้าซึมน้ำด้วยสารประเภทซิลิโคนสามารถลงได้ทั้งเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ และสามารถลงได้ทั้งกระบวนการบีบอัด(Padding) และกระบวนการจุ่มแช่ (Exhaustion)
1.3 การตกแต่งให้ผ้าซึมน้ำด้วยสารโพลีอูรีเทน (Polyurethane) โดยสารจะทำหน้าที่เป็นฟีล์มบางๆ เคลือบที่ผิวเส้นใยไว้ โดยการทำงานของสารเหล่านี้จะทำหน้าในการส่งต่อความชื้นที่เกิดจากน้ำหรือสารละลายต่างๆที่เกิดจากร่างการจากของคนเราสู่พื้นผิวผ้าด้านนอก ทำให้ผ้าแห้งได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นสารที่ให้การตกแต่งที่นุ่มที่มีเนื้อมากขึ้นอีกด้วย จากตกแต่งด้วยสารโพลีอูรีเทน (Polyurethane) สามารถตกแต่งกับผ้าได้ทุกประเภท แต่จะมีข้อควรระวังในการตกแต่งกับผ้าโพลิเอสเตอร์ ซึ้งถ้าใช้สารโพลีอูรีเทน (Polyurethane) ที่ปริมาณมากเกินไปจะทำให้ความคงทนของสีต่อการซักลดน้อยลง 1 ถึง 2 เกรด
1.4 การตกแต่งให้ผ้าซึมน้ำด้วยสารโพลีเอสเตอร์เรซิน (Polyester Resin) ซึ่งเหมาะกับการตกแต่งบนเส้นโพลิเอสเตอร์โดยสารจะเข้าไปเชื่อมติดกับเส้นใยโพลิเอสเตอร์และอีกส่วนจะแสดงหมู่ชอบน้ำออกมาสู่ผิวของเส้นใน
ตัวอย่างสาร Polyester Resin
|
ผ้าโพลีเอสเตอร์หลังการตกแต่งสำเร็จด้วยสาร
1.5 การตกแต่งสำเร็จด้วยสารนาโนบางกลุ่มเช่น Nano-ZnO , Nano-Ag , Nano-TiO2
การตกแต่งด้วยสารนาโน ของโลหะเหล่านี้จะเข้าไปทำน้าที่เพิ่มหมู่สารชอบน้ำให้กับเส้นใย จึงทำให้เส้นใยมีการซึมน้ำและการกระจายตัวของน้ำได้กว้างและเร็วขึ้น จึงเป็นการแตกแต่งให้ให้เกิดฟังก์ชั่นชอบน้ำและระเหยน้ำได้ดีมากขึ้นอีกประเภทหนึ่ง ในการตกแต่งผ้าให้เกิดฟังก์ชั่นชอบน้ำและละเหยน้ำได้ดีขึ้นแล้ว การตกแต่งด้วยสารเหล่านี้ ยังเพิ่มชังก์ชั่นในส่วนของการลดการเกิดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผ้าซักง่ายขึ้น และหลายกลุ่มสารเคมียังทำให้ผ้านุ่มขึ้นอีกด้วย 2 การตกแต่งด้วยสารเคมีให้ผ่านมาตรฐาน Q-max
1) การตกแต่งด้วยสารประเภทไมโครแคปซูลที่รักษาอุณหภูมิ เช่นสารไมโครแคปซูลประเภทที่เปลี่ยน สารด้านในให้เป็นของเหลวหรือของแข็งได้ ในอุณหูมิที่กำหนด เช่น 21 31 41 องศาเซลเซียส เป็นต้น
2) การตกแต่งด้วยสารนาโนประเภทต่าง เช่น ซารามิกไททาเนี่ยมไดออกไซด์ สังกะสีออกไซด์ เงิน หินอ่อน หินหยก เป็นต้น โดยสารจะทำหน้าที่ในการดูดเก็บความเย็นในสภาวะแวดล้อมไว้จึงทำให้รู้สึกเย็น และสารนาโนบางกลุ่มสามารถป้องกันความร้อนได้ดีเช่น นาโน ซารามิก, ไททาเนี่ยมไดออกไซด์, สังกะสีออกไซด์ เป็นต้น
3) การใช้เส้นใยที่มีส่วนประสมกับโลหะในการผลิตเป็นวัสดุสิ่งทอ โดยเส้นกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ดูดเก็บความเย็นจากสิ่งแวดล้อมและค่อยๆปลดปล่อยออกสู่ตัวเรา จึงทำให้เรารู้สึกเย็นเมื่อสัมผัสกับผืนผ้า